หลวงปู่อิ่ม สิรปุญโญวัดหัวเขา อ.เดิมบางฯ จ.สุพรรณบุรี
--------
โดย.. ณ วงเดือน
ที่วัดหัวเขาเป็นวัดที่ครั้งหนึ่งได้เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยที่หลวงปู่อิ่มท่าน
ท่านเป็นเจ้าอาวาส
มีผู้คนลูกศิษย์ลูกหาทั่วทุกสาระทิศต่างมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่ออาศัยบารมีความเมตตาของหลวงปู่ที่มีให้แก่ผู้ตกทุกข์
หลวงพ่ออิ่ม
ในอดีตมีชื่อเสียงมากในสุพรรณบุรี ว่าเป็นพระเกจิที่เก่งด้านคงกระพันชาตรี
เป็นที่เลื่องลือไปทั่วในยุคนั้น หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ประมาณว่าท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. 2406 ปลายสมัยรัชกาลที่ 4 ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน อุปสมบทเมื่อประมาณ พ.ศ.2426 สันนิษฐานว่าคงเป็นพระธุดงค์มาจากเมืองอื่น
แล้วเดินทางไปปักกลดปฏิบัติธุดงควัตรอยู่บริเวณวัดหัวเขา ซึ่งแต่เดิมเป็นป่ารกทึบ
จากคำบอกเล่าของญาติโยม ที่เป็นคนเก่าแก่ ปลายสมัยของหลวงพ่ออิ่ม สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
หลวงพ่ออิ่ม ในช่วงชีวิตสมัยที่ยังอยู่วัยหนุ่มนั้น เคยเป็นเสือปล้น
ก่อนที่จะมาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาจวบจนมรณภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2480 สำหรับลูกศิษย์ของหลวงพ่ออิ่ม
ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคือหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
หลวงพ่อมุ่ยท่านก็ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออิ่ม
ประวัติกล่าวว่าหลวงพ่อมุ่ยแวะเวียนไปมาหาสู่กับหลวงพ่ออิ่มเป็นประจำ
อีกทั้งยังเคยไปจำพรรษาที่วัดหัวเขาเป็นเวลา ๑ พรรษา
เพื่อเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่ออิ่ม หลังจากนั้นก็ยังไปมาหาสู่หลวงพ่ออิ่ม
และหลวงพ่ออิ่มยังพาไปศึกษาต่อกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วย
หลวงปู่อิ่ม สิรปุญโญวัดหัวเขา อ.เดิมบางฯ จ.สุพรรณบุรี
--------
ที่วัดหัวเขาเป็นวัดที่ครั้งหนึ่งได้เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยที่หลวงปู่อิ่มท่าน ท่านเป็นเจ้าอาวาส มีผู้คนลูกศิษย์ลูกหาทั่วทุกสาระทิศต่างมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่ออาศัยบารมีความเมตตาของหลวงปู่ที่มีให้แก่ผู้ตกทุกข์
หลวงพ่อมุ่ยท่านก็ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออิ่ม ประวัติกล่าวว่าหลวงพ่อมุ่ยแวะเวียนไปมาหาสู่กับหลวงพ่ออิ่มเป็นประจำ อีกทั้งยังเคยไปจำพรรษาที่วัดหัวเขาเป็นเวลา ๑ พรรษา เพื่อเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่ออิ่ม หลังจากนั้นก็ยังไปมาหาสู่หลวงพ่ออิ่ม และหลวงพ่ออิ่มยังพาไปศึกษาต่อกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วย
หลักฐานจากหนังสือพระราชทานเพลิงศพพระครูวรนาถรังษี
หลวงพ่อปุย วัดเกาะ กล่าวด้วยว่า พ.ศ.๒๔๖๓
หลวงพ่อปุยก็เดินทางมาฝากตนเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม และอาจารย์มนัส โอภากุล
เขียนไว้ในหนังสือลานโพธิ์กล่าวว่า หลวงพ่ออิ่มยกย่องหลวงพ่อปุยว่า
เปรียบเสมือนบัวที่พ้นน้ำแล้ว สอนอะไรก็เข้าใจง่าย ในการอุปสมบทครั้งแรกของ หลวงพ่อมุย วัดดอนไร่ นั้น หลวงพ่ออิ่ม
ก็เป็นพระคู่สวดให้ และในการอุปสมบทครั้งที่สองของศึกษาได้รวดเร็ว ไม่ต้องจ้ำจี้จำไชเท่าไรนัก
หลวงพ่อปุยเองก็เคยเล่าให้ศิษย์ฟังเสมอๆว่า
หลวงพ่ออิ่มท่านเป็นพระที่เคร่งในพระธรรมวินัยมาก ญาณสมาบัติสูงมาก
สมัยที่หลวงพ่ออิ่มท่านได้ปกครองวัดหัวเขา
ท่านพัฒนาวัดหัวเขาจนเป็นวัดที่เจริญวัดหนึ่งในสมัยนั้น
และมีพระภิกษุสงฆ์เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์มากมาย อาทิ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ,
หลวงพ่อปุย วัดเกาะ , หลวงปู่แขก วัดหัวเขา
และหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เป็นต้น สมัยนั้นแถวบ้านป่าทางด้านนี้จะเต็มไปด้วยผู้มีอิธิพล โจรปล้นฆ่ากันมาก และชาวบ้านที่ไม่มีที่พึ่ง ก็หันหน้ามาพึ่งวัดวา ได้อาศัยเครื่องรางของขลัง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจจากโจรผู้ร้าย
ที่มีมากในสมัยก่อน ได้อาศัยบุญบารมีของหลวงปู่หลวงตา ในวัดวา ในที่ต่าง ๆ ที่ ่ท่านมีบารมีคุ้มครองปกป้องรักษาชาวบ้าน ที่ได้มีท่านผู้มีบารมีได้คุ้มครองรักษา ซึ่งขนาดเสื้อร้ายโจรปล้นบางคน ยังต้องยอมก้มตัวเป็นสิษย์และอีกหลายคน ก็เลิกราจากการเป็นโจรปล้นฆ่าไปเลยก็มาก จากความมีเมตตาของหลวงปู่หลวงตานี่เอง ซึ่งปัดเป่าทุกข์ภัยให้ชาวบ้านได้ คลายบรรเทาไปได้นี่เอง จึงทำให้ในสมัยก่อนครูบาอาจารย์ ที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านจะมีข้อวัตรปฎิบัติที่เคร่งเครัดมีศีลาจารที่งดงาม จึงทำให้บางองค์บางท่านนี้ มีผู้คนเคารพนับถือมาก ดังเช่นหลวงปู่อิ่มแห่งวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช แห่งนี้ก็เช่นกัน ท่านเดินธุดงค์ควัตรเป็นหลักประจำ จนเมื่อแก่ตัวลงมาจึงได้มาอยู่จำวัดที่ วัดหัวเขาแห่งนี้ และได้ทำนุบำรุงและพัฒนาวัดวา จากสำนักสงฆ์อันเงียบสงบในหุบเขานี้ จนกลายมาเป็นวัดที่มีพร้อมทั้ง โบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญให้สาธุชนได้มาร่วมทำบุญกันในวันพระวันศีลตามครรลองคลองธรรมที่มีมาแต่โบราณ
วัตถุมงคลของท่านที่ขึ้นชื่อมีอยู่ไม่กี่อย่างที่หลวงพ่อปลุกเสก ไว้ เช่นพระหล่อโบราณ
ได้แก่
เหรียญหล่อใบเสมา ที่คุ้นหูคุ้นตาอย่างน้อย ๓ แบบ
แตกต่างกันที่รายละเอียด นอกจากนี้ยังมีนางกวัก ๒ พิมพ์ หล่อแบบโบราณ
อีกพิมพ์หนึ่งเป็นพิมพ์พระพุทธรูปหล่อโบราณแบบลอยองค์ก็มี พระปิดตา แบบมหาอุด
หมายถึง ปิดตาและปิดทวาร พิมพ์นางกวัก มีสร้างไว้หลายแบบ พญาเต่าเรือน นอกจากนี้ก็ยังมี
แหวนพิรอด หัวพระปิดตา หัวพระพุทธ มี ๒ แบบ ทั้งหมดสร้างด้วยเนื้อโลหะแบบหล่อโบราณ
เกี่ยวกับเหรียญ และรูปหล่อโลหะ พอมีหลักฐานจากรูปทรงใบเสมาบ่ง
บอกว่าน่าจะสร้างในยุคเร็วที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๕ ช่วงใดช่วงหนึ่ง
เพราะรูปทรงใบเสมานั้นตั้งต้นสร้างรุ่นแรกของประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕
อาจจะเป็นตอนกลางหรือตอนปลายในสมัยของพระองค์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นการสร้างในสมัยหลังจากนั้น
ช่วงใดช่วงหนึ่ง
แตกต่างกันที่รายละเอียด นอกจากนี้ยังมีนางกวัก ๒ พิมพ์ หล่อแบบโบราณ
อีกพิมพ์หนึ่งเป็นพิมพ์พระพุทธรูปหล่อโบราณแบบลอยองค์ก็มี พระปิดตา แบบมหาอุด
หมายถึง ปิดตาและปิดทวาร พิมพ์นางกวัก มีสร้างไว้หลายแบบ พญาเต่าเรือน นอกจากนี้ก็ยังมี
แหวนพิรอด หัวพระปิดตา หัวพระพุทธ มี ๒ แบบ ทั้งหมดสร้างด้วยเนื้อโลหะแบบหล่อโบราณ
เกี่ยวกับเหรียญ และรูปหล่อโลหะ พอมีหลักฐานจากรูปทรงใบเสมาบ่ง
บอกว่าน่าจะสร้างในยุคเร็วที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๕ ช่วงใดช่วงหนึ่ง
เพราะรูปทรงใบเสมานั้นตั้งต้นสร้างรุ่นแรกของประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕
อาจจะเป็นตอนกลางหรือตอนปลายในสมัยของพระองค์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นการสร้างในสมัยหลังจากนั้น
ช่วงใดช่วงหนึ่ง
หลวงพ่ออิ่มปกครอง
พัฒนาคนพัฒนาวัดเรื่อยมา จวบจนได้รับแต่งตั้งสมณศักด์สุดท้ายที่
"พระครูปลัดอิ่ม สริปุญโญ" ก่อนที่ท่านจะมรณภาพลง
ในอิริยาบทท่านั่งสมาธิ เมื่อประมาณต้น ปีพ.ศ.๒๔๘๐ สิริอายุ ๗๔ปี..
@@@@@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น