25 ก.ค. 2565

แวะเที่ยวชมแหล่งผลิตจำหน่าย ครกหินอ่างศิลาชื่อดังของ จ.ชลบุรี

โดย.ณ วงเดือน
   นักท่องเที่ยวและผู้คนที่ เดินทาง มายังเทศบาลอ่างศิลา จ.ชลบุรี สิ่งแรกที่ผู้คนนึกถึงก็คือครกหินอ่างศิลา และของทะเลตากแห้ง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งเป็นสุขาภิบาลอ่างศิลา เมื่อ22 เมษายน 2530  และได้รับยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลเมืองอ่างศิลา เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา
บ้านอ่างศิลา มีพื้นที่ติดกับทะเล เดิมชาวบ้านมีอาชีพประมงเป็นหลัก และในพื้นที่ในอดีตมีหินแกรนิต ที่มีเนื้อสีขาวนวล และสีเหลืองอ่อน มีความเหนียวแข็งแกร่งมาก  ชาวบ้านจึงนิยมนำหินมาทำเป็นครก จนทำให้เกิดเป็นอาชีพที่ต่อมาเป็นที่รู้จักกันไปทั่วกลายเป็นสัญลักษณ์ว่า ถ้าจะซื้อครกหิน ต้องมาที่อ่างศิลานี้เท่านั้น ถึงจะได้ครกหินของอ่างศิลาของแท้
ความเป็นมาของการสร้างครกหิน นี้เริ่มต้นเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีชาวจีนชื่อนายเจ๊กฮั่ว แซ่ตั้ง เดินทางมารับจ้างทำเสาหินที่วัดอ่างศิลา และพบว่าหินบริเวณอ่างศิลามีความเหนียวแกร่งทนทานมาก จึงได้ลองนำมาทำเป็นครกหินปรากฎว่า ใช้ดีทนทานมาก จนเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา
จากการผลิตครกหินในครั้งแรก เครื่องไม้เครื่องมือ มีเพียงค้อนปอนด์ และเหล็กสกัดหินชนิดต่าง ๆ ที่มีปลายแหลม ตลอดหินขัด เท่านั้น ต่อมาได้พัฒนาเป็นรูปแบบอุตสาหกรรม เครื่องไม้เครื่องมือได้รับการพัฒนาดีขึ้นกว่าในอดีตมาก
ปัจจุบันเทศบาลอ่างศิลา ตลอดสองข้างทางที่มุ่งหน้าสู่สะพานปลาอ่างศิลานั้น จะมีร้านค้าจำหน่ายครกหิน อยู่เป็นจำนวนมาก สามารถซื้อหาได้ตามกำลังทรัพย์ ซึ่งมีครกตั้งแต่ขนาดเล็กสุด ไปจนถึงครกหินขนาดใหญ่ มีราคาหลักร้อยบาทขึ้นไป จนถึงราคาหลักแสนบาทก็มี
สำหรับครกหินอ่างศิลาของที่นี่ ได้รับการจดทะเบียนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จากกระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อย เมื่อ 28 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ครกหินอ่างศิลาของแท้ นั้นจะต้องมีคุณภาพและคุณลักษณะเฉพาะสามารถสังเกตุจดจำได้ง่าย   นั้นคือเป็นครกทรงกลม รูปโค้งสวยงาม มีส่วนจับเป็นหูสองข้าง  ผิวครกด้านนอกเรียบหรือขรุขระ ผิวสากเรียบ ไม่ขรุขระ                                       
 ก้นครกนอกเรียบ วางแล้วมั่นคง                                                                                                                   
สีผิวของครกอ่างศิลาของแท้ มีสีขาว สีเหลืองมันปู เหลืองส้ม มี่กล็ดแววาว คล้ายเกล็ดเพชร หรือมีสีดำลายจุดสีขาว  สีเทาลายจุดสีดำ  หรือเขียวขี้ม้าอมเทา จุดสีดำ เป็นเนื้อหินแกรนิตเนื้อเหนียว แข็งแกร่ง
นั่นคือลักษณะและกายภาพของหินของอ่างศิลา ที่ได้รับการจดแจ้งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของครกหินอ่างศิลา ที่ใครยากที่จะเลียนแบบ ได้
บ้านอ่างศิลา จึงเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียง ด้านผลิตอาหารทะเลสดและตากแห้งแล้ว ยังมีชื่อเสียงด้านการผลิตครกหิน เป็นที่เลื่องชื่อไปไกลถึงต่างประเทศ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก ในการได้มาเยือนเที่ยวชม และได้รับรู้เป็นข้อมูลความเป็นมาจึงนำมาบันทึกไว้เป็นความรู้ และความทรงจำดีๆ ตลอดไป.

กราบหลวงพ่อเหลือ วัดสร้อยทอง กทม.

โดย.ณ วงเดือน
   วัดสร้อยทอง ตั้งอยู่ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. อยู่เชิงสะพานพระราม 7 ฝั่งพระนคร ในการได้มากราบสักการะหลวงพ่อเหลือ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดสร้อยทองแห่งนี้ 
วัดสร้อยทอง แต่เดิมมีชื่อว่า วัดซ่อนทอง  สันนิษฐานว่าว่าสร้างมาในราวปี พ.ศ. 2394   ภายในวัดยังมีมหาเจดีย์องค์ใหญ่สีทองอร่าม มองเห็นได้แต่ไกล สร้างเมื่อปี    พ.ศ.2548  ด้านในเจดีย์มีพระพระพุทธรูปให้ได้กราบขอพร ส่วนด้านบนของมหาเจดีย์  ยังมีพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระเกศาธาตุบรรจุไว้ด้วย  ให้ผู้คนได้มากราบสักการะเพื่อเป็นสิริมงคแก่ตัวเอง                                                            
ด้านหน้าพระมหาเจดีย์ มีรูปปั้นช้างและเสือที่สวยงามมาก เลยจากองค์มหาเจดีย์เข้ามาภายในบริเวณวัด ก็จะพบเจดีย์ทรงจตุรมุข และมีป้ายบอกว่าพระวิหารหลวงพ่อเหลือ  มีพญาราชสีห์ ตัวสีน้ำเงินมีหัวเป็นช้าง อยู่ทางเข้าพอดี ซึ่งในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธาหลวงพ่อเหลือ เข้ามากราบไหว้ขอพรอยู่ตลอดเวลา            
หลวงพ่อเหลือเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 52 นิ้ว สร้างจากโลหะที่เหลือจากการหล่อพระประธาน ใน ปี 2445  ในเกศขององค์พระมีการบรรจุพระสารีริกธาตุ ของพระอรหันต์ 5 พระองค์ไว้ภายใน จึงเป็นที่มาของชื่อหลวงพ่อเหลือนั้นเอง                                 
และทราบมาว่า ภายในเกศของหลวงพ่อเหลือ ที่บรรจุพระสารีริกธาตุของพระอรหันต์ 5 พระองค์นั้นมีของ พระธาตุของพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระสีวลีเถระ พระองคุลีมาลเถระ และพระภิกษุณีพิมพาเถรี               
ปาฎิหาริย์ของหลวงพ่อเหลือ ที่ปรากฎในอดีต ในสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานที่ของวัดสร้อยทองนี้ ได้รับแรงระเบิดเสียหายจากการโจมตีทางเครื่องบิน ทำให้วัดได้รับความเสียหายมาก แต่ที่ตั้งองค์หลวงพ่อเหลือ ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด                                      
ในการได้มาเที่ยวชมวัดสร้อยทอง และได้เข้ากราบหลวงพ่อเหลือ ตลอดจนทราบที่มาและความเป็นไปของวัดแห่งนี้ จึงบันทึกเป็นเรื่องราว ของหลวงพ่อเหลือ และสัดแห่งนี้ไว้เป็นความรู้และความทรงจำดี ๆ ตลอดไป.                  
@@@@@@@@@@@@@@@

แวะเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

โดย.ณ วงเดือน
    ได้เคยมาเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งแรก เมื่อ ช่วงเดือนเมษายน 2561 ครั้งนั้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  จากนั้นจนมา ปี พ.ศ.2565  ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาแวะชมและซื้อหาหนังสือ ในซุ้มและบูธหนังสือต่าง ๆ  อีกครั้ง
ปัจจุบันในยุคสื่อสารดิจิทัล ที่ผู้คนจะเข้าชมสื่อต่าง ๆ ผ่านจอมือถือ แทบเลตแทนแล้ว จะมาอ่านหนังสือผ่านตัวหนังสือที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หรือหนังสืออื่น ๆ เหมือนเช่นในอดีต นั้นเริ่มลดลงไปเรื่อย ๆ เพราะการเข้ามาของการสื่อสารยุคใหม่ สามารถอ่านได้ผ่านจอแทบเลต หรือว่า จอมือถือ ตลอดคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ที่เข้ามาแทนที่หน้าหนังสือกระดาษ ไปโดยปริยาย
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  ครั้งที่ 50  ที่จัดในปี พ.ศ.2565 ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน เป็นการจัดงานครั้งแรกที่สถานีกลางบางซื่อ โดยที่ผ่านมาจะมีจัดที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  และที่ไบเทค บางนา ในครั้งนี้จึงมาร่วมเที่ยวชมกับเขาบ้าง เพื่อบันทึกไว้ในความทรงจำ
เดินเข้ามาประตูด้านหน้่างานหนังสือ ยังมีซุ้มขายอาหาร ที่หลากหลายให้กับผู้มาเที่ยวงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีอาหารของกิน คาว หวาน และผลไม้หลากชนิดให้เลือกซื้อหารัปทานกันในหน้างานได้เลย                         
ปีนี้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เป็นครั้งที่ 2 หลังการแพร่ระบาดของโควิต 19 ไม่ได้จัดงานมาหลายปี กอปกับการอ่านหนังสือของผู้คนเปลี่ยนไป จึงดูเหมือนว่าในงาน แสดงบูธขายหนังสือของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ก็มีจำนวนลดน้อยลง รวมทั้งคนมาเดินซื้อหนังสือ ก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อบันทึกไว้เป็นความทรงจำ ที่ได้มาร่วมงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 ในปี พ.ศ.2565 และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายปี ที่เคยมาเดินเที่ยวชมและซื้อหา หนังสือบรรเทิงใจเรื่องสั้นและนิตยสาร  ลงไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ตลอดไป.