วัดโพนชัย มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่า 400 ปี ภายในอุโบสถ และยีงมีภาพเขียนสีบนผนัง เรื่องราวเกี่ยวกับชาดก พระเวสสันดร และประเพณีผีตาโขน ของชาว อ.ด่านซ้าย ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
องค์พระธาตุศรีสองรัก จำลอง ซึ่งมีรูปแบบเดียวกับพระธาตุศรีสองรัก องค์จริง มาที่วัดนี้ก็สามารถกราบสักการะบูชาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีความสวยงามอ่อนช้อยเช่นกัน
บันไดนาคคู่ ทางขึ้นอีกด้านขึ้นสู่วิหาร ที่ตั้งองค์หลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
ลานด้านข้างของวิหาร พระเจ้าใหญ่ เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน ซึ่งเป็นกุฎีเก่าของท่านเจ้าอาวาส ได้นำมาทำเป็นที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของผีตาโขน
ซึ่งในอาคาร จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของการทำหน้ากากผีตาโขน และประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นนี้ ที่สืบทอดต่อๆ กันมา มาจัดแสดงให้ความรู้แก่ผู้มาเยือน
ผีตาโขน ที่มีการทำจากวัสดุท้องถิ่น บ้างก็ทำจากหวดนึ่งข้าว บ้างก็ทำมาจากไม้แกะสลักเป็นรูปผีตาโขน จัดแสดงไว้ให้ได้ชมกัน ทั้งด้่นนอกอาคาร และภายในอาคาร ถือเป็นแหล่งเรียนรู้กับผู้มาเยือนเที่ยวชมเป็นอย่างดี
ทราบมาว่า การแห่ผีตาโขน เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญชาวบ้าน คืองานบุญพระเวส และงานบุญบั้งไฟ และในงานก็จะมีขบวนแห่ของผีตาโขน มาร่วมแห่ในขบวนเพิ่มสีสันในงานบุญ กลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
ในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงหุ่นผีตาโขน ออกไป 2 ประเภท คือผีตาโขนใหญ่ จะไม่มีการทำใหม่ แต่จะทำตามกำหนดธรรมเนียมกำหนดไว้ และผีตาโขนเล็ก จะมีการสร้่งทำในทุกปี ซึ่งทำจากหวดนึ่งข้าว ตลอดทำจากโคนก้านมะพร้าว นำมาถากเป็นรูปหน้ากาก
ภายในอาคาร ก็จะมีการเขียนบอกเรื่องไว้ราวต่าง ๆ ทั้งประวัติึว่มเป็นมาของพระธาตุศรีสองรัก และประเพณีบุญของชาวด่านซ้าย ตลอดความเป็นมาของผีตาโขนนั้นเอง
มาวัดโพนชัย นอกจากได้มากราบไหว้ขอพร หลวงพ่อพระเจ้าใหญ่แล้ว ยังได้มาแวะชมประวัติความเป็นมาของ ผีตาโขน ซึ่งที่นี่ถือเป็นต้นตำรับของผีตาโขนเลยก็ว่าได้
จากถนนหมายเลข 2114 ผ่านตัวตลาดด่านซ้าย แล้วข้ามสะพานมาเล็กน้อย วัดอยู่ด้านซ้ายมือ เข้ามาดูชมได้ทั้งความรู้ และได้ความเป็นศิริมงคลกับตัวเองที่ได้มา
กราบหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ ที่วัดแห่งนี้นั้นเอง.