19 พ.ย. 2563

กราบขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม

โดย.ณ วงเดือน

    วันนี้นำเรื่องราววัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ  ได้ไปกราบเที่ยวชมมาแล้ว มาบันทึกไว้เป็นความรู้ และความทรงจำดี ๆ ที่ได้ไปมา 

ข้อมูลเรื่องเล่า หลายตำนานกล่าวถึงหลวงพ่อวัดไร่ขิงบ้างก็ว่า หลวงวัดพ่อไร่ขิง ได้ลอยน้ำมา และได้อัญเชิญ มาไว้ที่ศาลาปูน  ลักษณะงดงามด้วยพุทธศิลป์ 3 สมัยคือ องค์พระผึ่งผายแบบเชียงแสน  พระหัตถ์เรียวงามแบบสุโขทัย และใบหน้างดงามแบบรัตนโกสินทร์ 




รอบอุโบสถมีวิหาร อยู่รอบ 4 ทิศ วัดแบ่งออก เป็น 2 ส่วนคือ เขตศาสนสถานและเขตสาธารณสถาน ซึ่งเป็นเขตของโรงพยาบาลและโรงเรียน


ประวัติหลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นพระในตำนาน 5 องค์ที่ลอยมาตามน้ำ คือ 1.หลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา 2.หลวงพ่อโต วัดบางพลีใน จ.สมุทรปราการ 3.หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี 4.หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม และ5.หลวงพ่อวัดไร่ขิง แห่งนี้

ความเป็นมาของวัดไร่ขิงนี้ ตามประวัติชื่อวัดเป็นทางการว่า  วัดมงคลจินดาราม ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ไร่ขิง มีพื้นที่ธรณีสงฆ์วัด 244 ไร่ 89 ตรว.ติดแม่น้ำท่าจีน สร้างขึ้น ในปี 2334 โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) และชื่อของวัดได้มาจากแถบบริเวณนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนที่นิยมปลูกขิงกันมากนั่นเอง


หลวงพ่อไร่ขิง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสัมฤทธิ์ศิลปะเชียงแสน ฝีมือผสมผสานช่างล้านนากับล้านช้าง หน้าตักกว้าง 4 ศอก 2 นิ้ว สูง 4 ศอก 16 นิ้วเศษ เป็นพระพุทธรูปที่เคารพบูชาของชาวนครปฐมและผู้คนชาวพุทธทั่วทั้งประเทศ

คำบูชาหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นคาถาบูชาองค์หลวงพ่อ มีป้ายตั้งไว้อยู่ด้านหน้า และชื่อกันว่าน้ำมันและน้ำมนต์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิงนี้ ช่วยบรรเทารักษาโรคภัยต่าง ๆ ให้หายไปได้

งานบุญนมัสการปิดทองไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงประจำปี จัดขึ้นระหว่าง วันขึ้น 13 ค่ำ ถึงแรม 3 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ทุกวันอาทิตย์มีตลาดนัดอาหารการกินผักผลไม้ของชาวสวนนำมาขาย หน้าลานของวัดและด้านหน้าวัดท่าน้ำ ยังมีชาวบ้านพายเรือนำผลไม้มาขาย ให้เลือกซื้อหาอีกด้วย




เขตพุทธาวาส ซึ่งเป็นที่อยู่และเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณรที่วัดแห่งนี้

การเดินทางมายังวัดแห่งนี้เข้ามาได้ 3 ทางคือ ทางแยกหน้าสถานีตำรวจโพธิ์แก้ว ทางแยกหน้าสวนสามพรานและทางแยกพุทธมณฑลสาย5 การเดินทางจากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 32 กม.หรือรถประจำทางสาย 84 วัดไร่ขิง -คลองสาน และสาย 556 วัดไร่ขิง-แอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน หรือรถตู้วัดไร่ขิง-ปิ่นเกล้า ก็มาได้สดวก


ด้านหน้าท่าน้ำของทางวัด เป็นที่ให้อาหารปลาที่อยู่มากมายหลากหลายชนิด เต็มอยู่ท่าน้ำของวัดให้คนได้ให้อาหารปลากัน ซึ่งสามารถเข้ามาเที่ยวชมกราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00-16.00 น.






บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศมากราบไหว้ขอพร และเที่ยวชมจึงขอบันทึกเรื่องราว ความเป็นมา ของหลวงพ่อไร่ขิง และความเป็นมาของวัดคร่าว ๆ ไว้เป็นความรู้ในบันทึกเที่ยวแห่งนี้ ให้คงอยู่ตลอดไป.
      @@@@@@@@@@@@@@@@


15 พ.ย. 2563

พระบรมสารีริกธาตุ วัดป่าภูลอมข้าว อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ

่โดย.ณ วงเดือน
  
      บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ครั้งนี้ได้มา กราบพระบรมสารีริกธาตุและ เที่ยวชมธรรมชาติอันเงียบสงบท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ของวัดป่าภูลอมข้าว พื้นที่บ้านเตย หมู่ 3 และ บ้านดอนแซง หมู่ 16 ต.ขามป้อม อ.เขมราฐ จ.อุบล ฯ 


วัดป่าภูลอมข้าวแห่งนี้ ได้รับจัดตั้งเป็นวัดที่ถูกต้อง เมื่อ 14 ธค.2541 มีเนื้อที่ทั้งหมด 130 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จากหมู่บ้านพอสมควร บนเนินเขาลูกเล็ก ๆ  มีหินก้อนเล็กใหญ่น้อย อยู่ทั่วบริเวณ และรอบไปด้วย ต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ทั่วทั้งวัด


เมื่อเราเข้ามายังบริเวณของลานวัด จะพบกับความร่มเย็นของสายลม ที่พัดผ่านเบา ๆ ให้ได้รับรู้ถึงความสงบ สบายใจอย่างที่ไม่เคยพบเจอที่ใหนมาก่อน ก็ว่าได้ อีกทั้งวัดแห่งนี้ปฎิบัติธรรมสายธรรมยุตินิกาย ตามรอยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 


ด้านหน้าของศาลาโรงฉัน มีอาคารหลังเล็ก ๆ เรียกว่า เขตพุทธอุทยาน เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมมาไว้ เพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชาและเปิด ให้ผู้มีใจศรัทธาได้เข้ากราบไหว้ด้วย

วัดป่าภูลอมข้าว บ้านเตยแห่งนี้ อยู่ห่างจากตัวอ.เขมราฐ ประมาณ 10 กม. เหมาะแก่ผู้ต้องการหาความสงบ ปฎิบัติธรรมและมีจุดชมวิว ทางธรรมชาติ ที่สวยงามมาก



วัดแห่งนี้เป็นอีกสถานที่ บันทึกท่องเที่ยว ในความทรงจำได้มาเยือน และมีความประทับใจ จึงได้บันทึกไว้อีกที่เป็นความทรงจำดี ๆ ตลอดไป.
@@@@@@@@@@@

กราบขอพรพระพิฆเณศองค์ใหญ่ ที่วัดสมานรัตนาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

โดย.ณ วงเดือน

  ครั้งนี้บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้เดิน
ทางมาเยือนชม พระพิฆเณศองค์ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ อยู่ที่ วัดสมานรัตนาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำเรื่องราวมาบันทึกไว้เป็นความรู้อีกแห่ง ที่ได้มาเที่ยวชม

วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง หมู่ 11 ต.บางแก้ว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ผู้คนทั่วทุกสารทิศนิยมมาท่องเที่ยวกราบไหว้ขอพร

สถานที่แห่งนี้ มีพระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ มีความสูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร 4 มือนอนตะแคง มือซ้ายถืองาที่หัก และมือขวาถือดอกบัว และฐานที่นอน ยังมีพระพิฆเนศปางต่าง ๆ ถึง 32 ปาง ให้ผู้คนได้ทำบุญกันอีกด้วย



ปางนอนเสวยสุข นี้มีความเชื่อว่า จะมีอยู่มีกินมีใช้ อยู่สุขสบาย เงินทองไม่ขาด ไร้ทุกข์โศรก ร่ำรวยเจริญขึ้น


และด้านหน้ายังมี รูปปั้นหนูมุสิกะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขา ก็ว่าได้ ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อมากะซิบ ที่หูของหนูมุสิกะ จะทำให้พรที่ขอสำเร็จเร็วขึ้น เพราะหนูเลขา จะไปย้ำเตือนท่านอีกครั้ง เพื่อกันลืมนั้นเอง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายอย่าง ที่ทางวัดได้สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้คน ได้กราบไหว้ได้ครบดังใจปรารถนา ก็มีหลายอย่าง ทั้งพระราหูองค์ใหญ่ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ สักการะคุ้มดวง คุ้มภัย แก้วัน แก้ปีชง
ด้านข้างหลังองค์พระพิฆเนศ ยังมีร่างของจรเข้เทพโหรา ซึ่งเชื่อว่าให้โชคลาภด้าน หวยรวยเบอร์ทั้งลอตเตอรี่ ก็ให้คนที่มาขอรวยตาม ๆ กัน
ต่อมาทางด้านท้ายริมแม่น้ำมา ก็ยังมี รูปปั้นพญานาคราช คู่สีเขียว แดง ขนาดใหญ่เลื่อยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ดูราวกับมีชีวิตให้ผู้คนได้มาชมความงดงามเสมือนพญานาคมีชีวิตจริง ๆ
และอยู่ไม่ไกลกันก็ยังมี องค์เจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่สูงตระหง่าน ปางประทานโชคลาภและประทานบุตร ให้กับผู้ต้องการมีบุตรหลานไว้สืบสกุล ด้านใต้ฐานของเจ้าแม่ ยังเป็นห้องโถงจัดแสดงให้ความรู้ เจ้าแม่กวนอิมปางต่าง ๆ 

รูปปั้นท้าวมหาพรหม 4 หน้า ปางประทานความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย ก็สูงใหญ่ตระหง่านเหนือลำน้ำบางปะกง เป็นอีกจุดที่ผู้คนนิยมมากราบขอพรเช่นกัน
การเดินทางมายังวัดนี้ จากกรุงเทพ ฯ ใช้เส้นทางทั้งจากถนนสุวินทวงศ์ มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ระยะทางกว่า 60 กม.หรือจะเป็นทางถนนบางนา-ตราด เส้นมอเตอร์ ก็ได้ระยะทาง 50 กว่า กม.
ซึ่งถือได้ว่าที่วัดนี้มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่โต หลายอย่างในวัด ทั้งยังมีรูปปั้นที่เคารพบูชาหลากหลายของผู้คนทั้งหลายที่เคารพกัน ก็มารวมอยู่ที่นี่ถือว่ามาที่เดียวได้กราบไหว้ขอพรครบ
บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศไปหลายครั้ง ตั้งแต่เริ่มสร้างใหม่ ๆ จนปัจจุบัน ปี 2563 ที่มีความเจริญเกิดขึ้นหลายอย่าง จึงขอบันทึกไว้ให้อยู่ในความทรงจำ อีกเรื่องราวที่สุดประทับใจ.
@@@@@@@@@@@



14 พ.ย. 2563

วัดพระบาทโพนสัน สปป.ลาว

โดย.ณ วงเดือน
  
     เมื่อปลายปี 2556 บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว ครั้งนั้นได้เข้าไปกราบ พระธาตุเจดีย์วัดพระบาทโพนสัน คิดว่าคงจะมีโอกาศ ได้ไปกราบอีกครั้ง จึงบันทึกรอยความทรงจำไว้



วัดพระบาทโพนสัน อยู่ที่เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ ห่างจากเมืองปากซัน มาทางทิศเหนือ 70กม. เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนโนนหินสูง และยังมีพระธาตุเก่าแก่ สูงประมาณตึก 5 ชั้น แลัรอยพระบาทอายุกว่าพันปีแล้ว ได้ถูกค้นพบมาตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2475




วัดแห่งนี้ได้ค้นพบรอยพระบาทข้างขวา ลึกลงไปในหิน 46 ซม.กว้าง 120 ซม.ยาว 240 ซม.และตรงกลางฝ่าเท้ามีตรากงล้อธรนมจักร และรูปมงคล 108 ประการ บนฝ่าเท้า


ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และวันสำคัญต่าง ๆ จะมีชาวบ้านแวะเวียน มาไหว้กราบขอพรเพื่อเป็นมงคลชีวิตแก่ตัวเองและครอบครัวตลอด
ภายในวัดพระบาทโพนสัน ยังมีศาลาและกุฎีเก่าแก่ ที่สร้างอยู่บนลานหิน ที่ยังคงรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ดูแปลกกว่าวัดในที่ใด
ที่วัดนี้ มีงานนมัสการรอยพระบาท ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 จะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม ของทุกปี จัดงานสมโภชและไหว้รอยพระพุทธบาทและสักการะพระธาตุที่สร้างเลียนแบบองค์พระธาตุพนม ที่ไทย


โดยวัดพระบาทโพนสันแห่งนี้ ทางกรมมรดกของชาติลาว สังกัดกระทรวงสนเทศวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้เสนอชื่อวัดแห่งนี้ให้เป็นมรดกของชาติ มาตั้งแต่ปี พศ.2558 แล้ว


เป็นความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่ง ได้เคยมาเที่ยวชมและได้กราบไหว้ ยังวัดพระบาทโพนสันแห่งนี้ หากมีโอกาศ คงจะได้กลับมา เยือนอีกครั้งหนึ่ง ขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำดี ๆอีกเรื่องที่ได้มา.
@@@@@@@@@@@@@@@@@