13 เม.ย. 2564

มาชมค้างคาวแม่ไก่นับแสนตัว ที่วัดโพธิ์ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดย.ณ วงเดือน


   เมื่อช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้เดินทางมายัง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อมาเที่ยวชม ค้างคาวแม่ไก่ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนนับหมื่นแสนตัวเลยก็ว่าได้ ที่วัดโพธิ์ อ.บางคล้า นั้นเอง



วัดโพธิ์บางคล้า เลยจากตัวอำเภอมาทางด้านซ้ายมือของตัวตลาด วัดแห่งนี้เชื่อกันว่า สร้างในรัชสมัยพระเจ้าตากสิน  ราวปี พศ.2315 เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่เคยใช้บริเวณนี้ เป็นที่พักทัพ ในคราวเดินทัพเพื่อกอบกู้เอกราช ปัจจุบันยังมีวิหารเหลืออยู่ รูปทรงจตุรมุข ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ และรูปเขียนสีโบราณ รอบผนังวิหาร
   นี่คือต้นงิ้ว ที่มีหนามแหลมคม ที่ด้านข้างวิหาร มีชาวบ้านผู้นับถือ นำผ้าหลากสีมาผูกโอบเอาไว้ 
ความเป็นมาคร่าว ๆ ของวัดแห่งนี้ มีป้ายขนาดใหญ่ บันทึกไว้ว่า วัดโพธิ์บางคล้า เริ่มมีมตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด จากหลักฐานบางอย่างอาจสันนิษฐานได้ว่า มีมาครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และเมื่อปี พศ.2309  คราวพระเจ้าตากสินนำกองกำลังตีฝ่าวงล้อม กองทัพพม่า จากกรุงศรีอยุธยา 

         วิหารหลังนี้ เชื่อว่าสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นทรงจตุรมุข มุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า โดยมีคำบันทึกทางวัดว่า ได้มีการซ่อมแซม หลังคาอีกครั้งเมื่อปี  พศ.2485 ต่อมาหลังคาพังทลายลง และได้ซ่อมแซมขึ้นใหม่อีก ใน ปี พศ.2541 ที่ผ่านมา

ด้านหน้าวิหาร และภายในวิหารมีเพียงพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และผนังปูนเก่าแก่ และภาพเขียนสีเท่านั้น ที่ยังเป็นของเก่าแก่มาแต่สมัยการก่อสร้างมาวิหารแห่งนี้
        ทางบันทึกเที่ยว ได้เดินเข้าไปชมด้านในวิหารหลังเล็ก ๆ ซึ่งยังคงรูปแบบเดิม ตลอดปูนอิฐก้อนสมัยเก่า ที่แตกออกตามกาลเวลา ยังดูเหลือร่องรอยที่ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่ถึงปัจจุบัน  โดยรอบผนังวิหารก็ยังมีรูปเขียนสี โบราณเรื่องราวชาดก ในพุทธศานา ที่ยังมองเห็นความสวยงามอยู่ดูแล้วเข้มขลังมีพลังยิ่ง

   ส่วนด้านข้าง ๆ วิหารหลังนี้  ก็ยังมีศาลของพระเจ้าตากสิน ที่ปลูกไว้ข้างกัน ให้ผู้คนได้มาเที่ยวชมบูชากราบไหว้บูชาขอพรด้วยเช่นกัน

เมื่อเข้าเที่ยวชม วิหารหลังเก่าโบราณ และกราบสักการะศาลพระเจ้าตากสินแล้ว เดินเข้ามาด้ายภายในวัดแล้ว บริเวณต้นไม้ใหญ่ทุกต้นในวัดตลอดจนรอบ ๆทั่วบริเวณวัดแห่งนี้ เต็มไปด้วยค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ค้างคาวแม่ไก่


ค้างคาวแม่ไก่ เป็นค้างคาวขนาดใหญ่ มีขนาดพอกับไก่บ้าน เลยเรียกตามขนาดที่เห็น ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ มีอายุหลายชั่วคนมาแล้ว  บอกกล่าวต่อ ๆ กันมาว่า พบค้างคาวพวกนี้มาเนิ่นนานแล้ว เรียกได้ว่าอยู่คู่กับวัดมาแต่เดิมเลย    




ที่ทางเดินเข้าภายในวัดมีป้ายเขียนบอกความเป็นมาของค้างคาวแม่ไก่ของวัดนี้ว่า  ที่ชื่อว่า " ค้างคาวแม่ไก่ " (Flying foxes ) ชื่อว่าวิทยาศาสตร์ ว่า Pteropus vampyrus เป็นค้างคาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 
มีลักษณะหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก จมูกและใบหูเล็ก  ตาโต ขนสีน้ำตาลแกมแดง ปีกเป็นพังผืดบาง ๆ สีดำเชื่อมติดระหว่างนิ้ว มีเล็บแหลมคมสำหรับเกาะกิ่งไม้  บินได้เหมือนนกอย่างแท้จริง โตเต็มที่หนักประมาณ 800 กรัม กางปีกกว้างประมาณ 3 ฟุต ออกลูกคราวละ 1 ตัวเลี้ยงลูก ด้วยนม
กลางวันจะนอนห้อยหัว ลงเกาะกับกิ่งไม้ เวลาพลบค่ำจะออกไปหากิน และจะกลับมาเวลาใกล้สาง   อาหารที่ชอบ ได้แก่ ผลและใบอ่อนของต้นโพธิ์  ไทร มะม่วง มะขาม นุ่น ฝรั่ง โดยจะเคี้ยวกลืนกินแต่น้ำแล้วคาย กากทิ้งและถ่ายมูลเป็นของเหลว
ค้างคาวเหล่านี้ มีความผูกพันกับวัดแห่งนี้มาก จะมาอาศัยอยู่นานเท่าใรไม่มีใครทราบ  มีเรื่องน่าอัศจรรย์เล่าว่า ในปี พศ.2500ทางวัดได้จัดงานฝังลูกนมิตเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ค้างคาวเหล่านี้จะไปอาศัยอยู่ที่อื่น โดยไม่มาสร้างความ เดือดร้อนแก่ผู้มาทำบุญเลย                     
และในปี พศ.2509 พระครูสุตาลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ได้มรณภาพลง ค้างคาวเหล่านี้บางส่วนได้ตกลงมาตาย และส่วนใหญ่จะไม่ออกหากินเป็นเวลาหลายวัน ปรากฎการณ์นี้ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็น       


การเดินทางมาเที่ยวชมยังวัดโพธิ์ แห่งนี้ หากเดินทางมาจากตัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ใช้ถนนหลวงหมายเลข 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี กว่า 15 กม . แล้วเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกบางคล้า เพื่อเข้าตัวอำเภอ อีก 6 กม.
เมื่อเข้าสู่ตัวอำเภอบางคล้า จะพบอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ที่กลางแยกแล้วเลี้ยวซ้ายผ่าน ตรงเข้ามา แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เพื่อมายังที่หมายเกือบ 800 เมตร ก็จะพบวัดอยู่ด้านขวามือติดกับแม่น้ำบางปะกง 
สิ่งสำคัญหลายอย่างภายในวัด ก็จะมีวิหารพระนอน สร้างมาแต่พระเจ้าตากสิน และศาลของท่านอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังมี ศลาขนาดกลางหลังย่อม ตั้งอยู่กลางวัด  มีพระพุทธรูปหลายขนาด โดยเฉพาะพระปางทุกรกิริยา หรือหลวงพ่อผอม                       
เมื่อเดินต่อมายังริมแม่น้ำบางปะกง  ผ่านที่พักกุฎีหลวงพ่อเจ้าอาวาส ก็ยังมีรูปปั้นพญานาคราช และพ่อปู่ฤาษีโดยทำเป็นอ่างขนาดใหญ่ มีปลาหลากหลายชนิดเวียนว่ายภายในบ่อนั้น

ที่ริมคลองตะลิ่งกั้นแม่น้ำบางปะกง นั้นยังมีศาลขนาดเล็ก ๆ  เป็นที่ตั้งองค์พระพิฆเณศ ซึ่งสร้างหันหน้าลงสู่แม่น้ำบางปะกง อันเงียบสงบ ร่มเย็นสวยงาม  ใครที่ต้องการมากราบขอพร  ก็ลองมาเที่ยวชมกันดู                                       
@@@@@@@@@

ท้าวเวสสุวรรณ วัดแจ้งบางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดย.ณ วงเดือน

ผู้เขียน "บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ " มีโอกาศเดินทางมา อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา หลายครั้งหลายครา ทั้งมาท่องเที่ยว และมากิจธุระการงาน แต่พึ่งมีโอกาศได้เข้าไปเที่ยวชมที่วัดแจ้งบางคล้า แห่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564 ที่ผ่านมานี่เอง



วัดแจ้งบางคล้า ตั้งอยู่ถนนระเบียบกิจอนุสรณ์ ในตัว อ.บางคล้า ตามประวัติว่า วัดแจ้งแห่งนี้ สร้างขึ้นมานานแล้ว ในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 1 ยังมีพระยศเป็นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ในพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ยกทัพไปตีเมืองเขมร เดินทางมาจากพระนคร ถึงและพักทัพ ยังที่แห่งนี้เป็นเวลาเช้าตรู่พอดี
ชาวบ้านเลยเรียกวัดนี้ว่า วัดแจ้ง  ตามที่มีเรื่องเล่าสืบกันมานั่นเอง                
วัดแห่งนี้ มีอุโบสถหลังเดิม ตั้งอยู่ฝั่งโรงเรียนวัดแจ้ง สร้างมาแต่ ปี พศ.2475  โดยหลวงประกาศคดี  แล้วต่อมาได้มีการสร้างอุโบสถขึ้นใหม่อีก ในปี พศ.2479 โดยสถาปัตยกรรมภายนอกอุโบสถได้แบบมาจาก หอพระมณเฑียรธรรม วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ


ด้านในอุโบสถ มีพระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระประธาน โดยอุโบสถแห่งนี้ได้ถูกปิดมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ซึ่งได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
      จนต่อมา ทางวัดได้มีท่านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ มารับตำแหน่งที่วัดนี้ ท่านได้เริ่มพัฒนาวัดมาตามลำดับ เปิดอุโบสถให้ผู้คน ได้เข้ากราบสักการะ  สิ่งศักดิ์ในวัด และเริ่มหาทุนมาบูรณะอุโบสถ ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา                                              
       

โดยมีการจัดสร้างวัตถุมงคล ท้าวเวสสุวรรณ รุ่นเมตตาบารมี เพื่อหาทุนทรัพย์ในการบูรณะปฎิสังขร อุโบสถที่ทรุดโทรมให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ซึ่งอุโบสถแห่งนี้ เคยถูกจัดอันดับอุโบสถสวยงาม ติด 1 ใน 5 ของเมืองไทยมาแล้ว
วัดแจ้ง มีท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งหันหน้า เข้าหา อุโบสถแห่งนี้เป็นรูปปั้นที่สร้างมาเนิ่นนานแล้ว  เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนแถบนี้เป็นอันมาก ทางผู้เขียนได้ร่วมบูชา องค์ท้าวเวสสุวรรณ ดังกล่าวมาจำนวน 2 เหรียญ เพื่อร่วมสมทบทุนบูรณอุโบสถของวัดแห่งนี้ด้วย
ท้าวเวสสุวรรณ ถือเป็นเทพเจ้าแห่งยักษ์  เป็น 1  ใน 4  ของเทพที่ดูแลโลกกบาลทั้ง 4 ทิศ ท่านมีสีกายเขียว สูง 2 คาวุตราว 200 เส้น ถือกระบอง เป็นอาวุธ
ท้าวจตุโลกบาล มีดังนี้ 1.ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร รักษาโลกทางทิศเหนือ หน้าที่ปกครองยักษ์ ดูแลภูตผี 2.ท้าววิรุฬหก รักษาโลกทางทิศใต้  ทำหน้าที่ปกครอง กุมภัณฑ์ 3.ท้าววิรูปักษ์  รักษาโลกทิศตะวันตก ทำหน้าที่ปกครองนาค 4.ท้าว ธตรฐ  รักษาโลกด้านทิศตะวันออก มีหน้าที่ปกครองคนธรรพ์ 
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ ตั้งนโม 3 จบ 
แล้วกล่าวคาถาว่า " อิติ ปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรโณ มรณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นโม พุทธายะ ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุ มหาราชิกา ยักขะ พันตา ภัทภูริโต  เวสสะ พุสะ พุทธัง อรหัง ุทโธ ท้าวเวสสุวรรโณ นะโม พุทธายะ "
ในการบูชาจุดธูป 9 ดอก ดอกไม้เช่นดอกกุหลาบ 9 ดอกซึ่งมีความเชื่อกันว่า เมื่อบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น อธิษฐานนำติดตัวหรือมีไว้กับร้านค้า หรือบ้านเรือน จะเจริญด้วยลาภยศ สรรเสริญ  เงินทอง มากมี มั่งคั่ง ค้าขายร่ำรวย ป้องกันภูตผีปิศาจ สิ่งอัปมงคลทั้งปวง กับผู้มีไว้ครอบครอง
ในการได้มาเที่ยวชมวัดแจ้งบางคล้า ของ "บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ " ครั้งนี้ถือเป็นเหตุบังเอิญ อย่างเหลือเชื่อ ที่ได้เข้ามาวัดนี้และได้องค์เหรียญท้าวเวสสุวรรณ มาติดตัวคุ้มครองภัย ในครั้งนี้และช่วยโปรโมทกิจกรรมบุญกุศลของทางวัด ให้อีกด้วย
โดยในวันพุธที่ 26 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ทางวัดได้จัดให้มีการทอดผ้าป่า สามัคคี สมทบทุนบูรณะอุโบสถ และร่วมสวดนพเคราะห์ในวันดังกล่าวอีกด้วย                                         
ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ วัดแห่งนี้ มีท้าวเวสสุวรรณ ที่ปกปักรักษาดูแลคุ้มครองวัดวาอารามรักษาพุทธศาสนา ให้คงอยู่อีกด้วย ใครอยากมากราบไหว้ขอพร ท้าวเวสสุวรรณและได้ร่วมทำนุบำรุงศาสนา บูรณะอุโบสถในครั้งนี้ด้วย ก็ลองไปเที่ยวเยี่ยมชมกันครับ ที่วัดแจ้ง ในตัวตลาดบางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา.