พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดบ้านปากแซง พระพุทธรูปที่อาราธนาขึ้นมาจากแม่น้ำโขง
------------
โดย..ณ วงเดือน
วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดบ้านปากแซง เป็นพระพุทธรูปที่มีตำนานมายาวนานนับหลายพันปี

พระพุทธรูปนี้ ไม่ทราบปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดได้ว่าสร้างมาแต่ในยุคสมัยใด
แต่มีในตำรา คำบอกเล่าของคนแก่สมัยโบราณ เล่าสืบต่อและบันทึกตาม ๆ กันมาว่า
ในสมัยที่แถบลุ่มแม่น้ำโขง อารยธรรมแถบบนี้ ยังตกอยู่ในอำนาจของขอมโบราณ
ที่มีความเจริญทางด้านอารยธรรมมานับพัน ๆ ปี

หมู่บ้านแห่งนี้
ว่ามีความทุกข์เดือดร้อนในเรื่องอะไรบ้าง ทางท่านหัวหน้าหมู่บ้าน จึงได้ตอบไปและเล่าเรื่องว่า ตรงท่า
น้ำแห่งนี้นั้น ช่วงหน้าแล้ง จะมีหาดทราย กว้างใหญ่
สวยงามมาก และถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือ ในปีใด หาดทรายโผล่ขึ้นผิวน้ำ ชาวบ้านจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุข เมื่อพระองค์ได้ถามสาระทุกข์สุขต่าง ๆ แล้วจึงได้บอกว่า
สักวันหนึ่งจะกลับมาสร้างหมู่บ้านแถบนี้ให้เป็นเมืองเจริญขึ้นมา ในราวปี พ.ศ. 1154 พระองค์ได้เสด็จกลับมาอีกครั้ง
และมอบหมายให้กับเจ้าแสง เป็นผู้ควบคุมคนงานก่อสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา
1 องค์ สร้างแล้วเสร็จใน ปี พ.ศ 1180
และตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระอินทร์ใส่โฉม และให้เจ้าแสงอยู่ดูแลรักษา ยังที่แห่งนี้จนสิ้นอายุขัย ทางชาวบ้านจึงได้สร้างหอหลักเมือง ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่
พระองค์เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างหลวงพ่อใหญ่องค์นี้
และชาวบ้าน ให้ชื่อว่า หอแสง จนต่อมาที่แห่งนี้
ได้ร้างผู้คน เป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งมายุคหนึ่ง ได้มีควาญช้าง
ผ่านเข้ามาพบยังที่แห่งนี้และมีพระพุทธรูปทรุดโทรม ตั้งอยู่ จึงได้บอกผู้คน
ให้ทราบและได้เข้ามาร่วมกันบูรณะปฎิสังขร องค์พระใหม่ ได้ตั้งชื่อให้ว่า พระโต

ข้าพเจ้าพระครูทองกุศกร สมภารวัดกลาง เขมราฐ มีท่่านพระครูกุ เป็นประธาน
พร้อมด้วยข้าพเจ้า ทั้งหลายทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ได้พร้อมใจกันบริจาคทรัพย์สร้าง วิหารพระเจ้าใหญ่ ปากแซง ใน 5 หมู่บ้านคือบ้านปากแซง บ้านนาทราย บ้านพะลาน
บ้านบก บ้านทุ่งเกลี้ยง ได้จ้างคนอานาม เป้นเงิน 700
บาท สร้างเมื่อ พ.ศ. 2463 จนถึงปี พ.ศ . 2468 แล้วเสร็จ นี่คือข้อความที่ได้บันทึกในการบำรุงซ่อมแซมองค์หลวงพ่อพระโต
และวิหารที่ตั้งมาเป็นระยะ ซึ่งมีความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา แต่องค์หลวงพ่อยังตระหง่าน
ยืนหยัดเวลามานานับพัน ๆ ปีเลยทีเดียว


ตำนานความเป็นมาของหลวงพ่อโตวัดบ้านปากแซง
ก็ได้บันทึกไว้ ในความทรงจำในทริป นี้
ไว้อีกครั้งหนึ่งเพื่อบันทึกเรื่องราว ของการท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนมา
ทางผู้เขียน ก็ขอคัด ประวัติตามตำนาน พื้นบ้านที่เล่าสืบๆ ต่อๆ กันมา
มาบันไว้ในความทรงจำ เพื่อ ได้ระลึกถึงและรับรู้ความเป้นมา
ของประวัติองค์พระนี้ด้วย
จึงขอบันทึกไว้ ณ ที่นี้.. ณ
วงเดือน
@@@@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น