9 เม.ย. 2561

ไข่พญานาค ที่วัดไร่กาแฟ เมืองท่าแตง แขวงเซกอง สปป.ลาว

  ที่มาไข่พญานาคราช

ตำนานการสร้างวัดไร่กาแฟ

แขวงเซกอง เมืองท่าแตง สปป.ลาว

            ------------  

          โดย. ณ  วงเดือน

  วัดไร่กาแฟ เมืองท่าแตงแห่งนี้ เกิดจากพญานาคราชที่ได้นำพาท่านคูบาเสาร์ ท่านนี้ มาสร้างที่รกร้างว่างเปล่า ให้เป็นวัดที่นำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาของ ชนเผ่าต่าง ๆ กว่ 15 ชนเผ่าในที่แห่งนี้ได้หันหน้ามานับถือพุทธศาสนา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จนถึงทุกวันนี้

     เมื่อปลายฝนต้นหนาว ปี 2558 ได้มีโอกาศไปยังเมืองท่าแตง แขวงเซกอง สปป.ลาว เพื่อร่วมงานบุญ ในการก่อตั้งวัดป่า ที่มีพระหนุ่มนักพัฒนา ชื่อครูบาเสาร์ ผู้มีบุญบารมี ที่สั่งสมมาดีแล้วในอดีตได้นำพาชาวบ้านชนเผ่า ต่าง ๆ มากมายที่มีความนับถือผี หรือนับถือไฟ ตามแต่ละชนเผ่าที่เคยนับถือตาม ๆ กันมาได้หันหน้ามานับถือพุทธศาสนา โดยการนำความเลื่อมใสศรัทธาปะสาทะให้บังเกิดแก่ชนเผ่าเหล่่านั้น
                 เราได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาเดินทางลัดเลาะกว่าจะถึงจุดหมายจากเมืองสาละวัน  ออกเดินทางแต่เช้าตรู่กว่าจะมาถึงยังจุดหมายก็เป็นเวลาถึงเกือบ 5 โมงเย็นเลยทีเดียว  วัดป่าบ้านไร่กาแฟ เป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็ก ๆ  ที่อยู่ในพื้นที่ป่ายังอุดมสมบูรณ์ มีสายน้ำเล็ก ๆ ใสเย็นสะอาดไหลพัดผ่านบริเวณด้านหลังของวัด ซึ่งเบื้องหลังของวัดแห่งนี้ ยังมีพื้นป่าอันเขียวขจี ชุ่มช่ำไปด้วยความเย็นสบายของผืนป่าที่เขียวสดอยู่เบื้องหลัง


    มาดูความเป็นมาของพระหนุ่มนักพัฒา คูบาเสาร์องค์นี้ก่อน  ท่านเป็นชาวลาว แถวเมืองท่าแตง แขวงเซกอง  สปป.ลาว   ได้บวชเป็นสามเณรถือวัตรปฎิบัติตามแบบอย่างของพระตถาคตเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส
ได้ถือบวชเป็นเณรน้อย คอยปรนนิบัติหลวงตา ผู้ให้ต้นทางแห่งแสงสว่างในพระธรรม เดินตามรอยพระศาสดา ถือการปฎิบัติด้านวิปัสสนากัมมัฎฐานด้านธุดงควัตรตามอย่างหลวงตาคำ ผู้ให้บวชเป็นหน่อกล้าของลูกพระพุทธเจ้าอย่างดีแล้ว
     ซึ่งหลวงตาคำ มองเห็นแววว่า สามเณรองค์น้อยนี้ หากต่อไปภายภาคหน้าจะเจริญรุ่งเรือง ในการนำพาศรัทธาปะสาทะของชาวบ้าน ในเขตรอบแดนนี้ให้เป็นที่เลื่องลือไปไกล ด้วยเป็นเพราะบุญญารมีของเณรน้อยรูปนี้  หากได้รับการศึกษาและการดำเนินแนวทางตามครรลอง ทั้งทางโลกและทางธรรมเป็นอย่างดีแล้ว มีความรู้ห็นยิ่งทั้งในทางโลก  และในความเป็นไปของสังคมหมู่เหล่าต่าง ๆ แล้วจะเป็นผู้มีความเป็นผู้นำพาซึ่งความเลื่อมใส บังเกิดมีแก่พระศาสนาเป็นแน่แท้    เมื่อดำริดังนี้แล้ว ทางหลวงตาคำ
จึงได้นำสามเณรน้อย ชื่อเณรเสาร์ในครั้งนั้น เดินธุดงควัตร ปฎิบัติธรรมฝึกฝนจิตใจ เดินทางลัดเลาะมาตามป่าเขาลำเนาไพร ผ่าป่าดงดิบ มีสิงสาราสัตว์มากมาย เพื่อมุ่งหน้ามาสู่ประเทศไทย เป็นเวลากว่า 5 เดือนล่วง ถึงได้เดินทางมาข้ามแดนสู่ประเทศไทยชายแดนด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
     ด้วยความรู้ด้านการศึกษาของวัตรและปฎิบัติ ที่มีวัดติดชายแดนของแม่น้ำโขง ชื่อวัดพิชโสภาราม ต.แก้งเหนือ อ.เขมราฐ จ.อุบล ฯ คือวัดที่หลวงตาคำ ผู้มีสัมผัสญาณวิเศษว่า วัดแห่งนี้ จะเป็นที่ยังความู้ทั้งทางโลก และทางธรรม โดยเฉพาะด้านวิปัสสนากัมมัฎฐาน จะยังความรู้แตกฉานในทุกเรื่องให้กับสามเณรน้อยรูปนี้ได้อย่างแน่นอน   สามเณรเสาร์ โดยการนำพาของหลวงตาคำ ผู้เป็นอุปัชชาย์ ได้นำพาเณรน้อย มาอยู่ในขอบขันธสีมา ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูวิศาล เขมคุณ เจ้าอาวาสซึ่งสมณทินนาม ในสมัยนั้นซึ่งต่อมาท่านไดรับพระราชทานเลื่อนชั้นเป็นท่านเจ้าคุณ ที่พระราชปริยัติยากร ซึ่งวัดราษฎร์  ที่ห่างไกลความเจริญและกันดารแบบนั้น  ยากยิ่งนักที่จะได้รับพระราชทานในตำแหน่งนี้
   เมื่อสามเณรน้อยเสาร์มาอยู่ ที่วัดพิชโสภารามแห่งนี้ ได้เข้าเรียนศึกษาหาความรู้ทั้งด้านคันถะธุระ และวิปัสสนาธุระ ควบคู่กันไป ใช้เวลาเล่าเรียนจนแตกฉานอยู่หลายปี จนได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ สมความมุ่งมาดของหลวงตา ผู้อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้
       จากนั้นท่านจึงได้หวนคืนสู่มาตุภูมิ   ประเทศลาว เพื่อนำความรู้ทั้งด้านการเรียนรู้ ด้านต่าง ๆ เพื่อมานำพามาพัฒนาชาวบ้านในย่านถิ่นนั้นเพื่อให้สำเร็จดังใจปราถนา  โดยท่านมาอยู่จำพรรษายังสำนักสงฆ์ร้างแห่งนี้ ซึ่งที่นี่ มีชาวเขาเผ่าต่าง ๆ มากมายกว่า 15 เผ่า เช่นเผ่าไต เผ่าลื้อ เผ่ายั้ง และเผ่านก และอีกหลาย ๆ เผ่า ซึ่งแต่ละเผ่าต่างมีภาษาพูดต่างกันออกไป อย่างเช่นเผ่านก ชนเผ่านี้ เป็นชนเผ่าเก่าแก่มาแต่โบร่ำโบราณ ถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่ตกสำรวจ จึงไม่ได้รับการบันทึกในชนชั้นเผ่า ไปด้วยแต่ ในชนชาวลาว ที่อยู่ตามป่าดงดิบหุบเขาลึก อย่างเช่นนี้ เขาจะรู้กัน เพราะเป็นชนเผ่า ที่พูดคุยกันด้วยภาษาของ นก ในการติดต่อสื่อสารถึงกัน ซึ่งถือว่าแปลก  ที่ภาษาดึกดำบรรณ์นี้จะยังคงหลงเหลือมาทุกวันนี้
   ครั้งแรกท่านบอกไม่ได้คิดจะมาอยู่ยังที่ตรงนี้ แต่วันเดินทางเพื่อจะเข้าสู่เมืองท่าแตงนั้น ได้พักปักกลดธุดงค์ลงที่ตรงนี้ เพราะมีสภาพร่มรื่นและมีน้ำใสไหลเย็นผ่านหลังป่าไม้มีความสงบร่มรื่นมากเหมาะแก่การพักปฎิบัติธรรม  จึงได้ตกลงใจที่จะพักอยู่เพื่อให้จำเริญใจสักระยะ แล้วก็จะออกเดินทางต่อไป
ในคืนแรกก็ยังไม่มีอะไร มาแพ้วผาน มีแต่ความเงียบสงบดำมืดไปด้วยความดำมืดทะมึนอยู่หลังผืนป่า
มาคืนที่ สอง ขณะนั้งสมาธิอยู่ในกลดนั้น ในเวลาประมาณใกล้เที่ยงคืน ปรากฏว่าว่ามีลม พัดอื้ออึงปั่นป่วนไปทั่วผืนป่าที่เงียบสงบ  ท่านก็รู้สึกแปลกใจ  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ยังนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออก  ในขณะเดียวกัน ก็มีแสงสว่างวาบ  สว่างไสว ลอยมายังท่าน
      สักพักก็เห็นเป็นชายแก่ผมขาวโพลนไปทั่วทั้งศรีษะแต่ ทว่าดูยังมีความกะฉับกะเฉงแข็งแรงมาก มานั่งลงตรงหน้า  ท่านก็มองดูออกมา สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั่วบริเวณนั้นเหมือนช่วงยามเดือนวันเพ็ญใสกระจ่าง แต่ว่ามีความว่างไสวเห็นกันได้ชัดเจน  ซึ่งชายชาวชีประขาว ได้ก้มลงกราบท่านและได้นำตัวเองว่า เป็นพญานาคาชที่เฝ้าปกปักรักษาผืนป่า และสายน้ำแห่งนี้ เห็นพระคุณเจ้ามีศีลาจารวัตรเรียบร้อยจึงอยากจะร่วมสร้างบารมี กับพระคุณท่าน ด้วยการจะมอบกับ ไข่พญานาคของเรา ให้มาเป็นสิ่งแทนตัวเรา ที่จะมานำพาพระคุณท่านเป็นตัวแทนในการนำพาชาวบ้าน ท้องถิ่นชนเผ่าต่าง ๆ เหล่านี้มาหลอมหลวมร่วมน้ำใจ ในกาก่อสร้างวัดยังที่ตรงนี้ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนแถบนี้ต่อไปให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายหน้า หลังท่านกล่าวแนะนำตัวเสร็จก็ชี้มือไปยังด้านหลังของป่า ที่เป็นทางไปสู้เวิ้งน้ำด้านหลังที่ตั้งวัดปัจจุบันี้ว่า จะมีไข่พญานาค 2 ฟองที่เป็นหิน ให้ท่านนำมาที่ตรงนี้ เพื่อยังความเลื่อมใสของผู้คนได้เข้ามาเพื่อนำพาท่านในการก่อสร้างเป็นวัดในลำดับต่อไป
     นี่คือเรื่องราวความเป็นมาก่อนจะมาเป็นวัดไร่กาแฟ แขวงเซกอง เมืองท่าแตง ในทุกวันนี้ ท่านสาธุชนท่านใดอยากไปพิสูจน์ความเล้นลับลี้ลับ และช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสร้างวัดวา ร่วมสร้างบามีกับพญานาคราช ที่วัดกาแฟแห่งนี้ ก็เรียนเชิญไปเที่ยวชมพิสูจน์กันครับ บันทึกการท่องเที่ยว จึงขอนำบทความเป็นมาต่าง ๆ เพื่อบันทึกไว้ให้คงอยู่และเผยแผร่เป็นความรู้ให้คงอยู่ตลอดไป..
       


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น