28 ต.ค. 2562

ต้นไม้มณีโคตร กกชี้ตาย ปลายชี้เป็น ที่น้ำตกคอนพะเพ็ง หลี่ผี สปป.ลาว


กกชี้ตาย ปลายชี้เป็น ต้นไม้มณีโคตร ที่น้ำตกหลี่ผี สปป.ลาว

โดย..ณ  วงเดือน



               ผู้เขียนได้มีโอกาศเดินทางไปเยือน ที่ สปป.ลาวใต้ แขวงจำปาสัก และได้มีโอกาศได้ไปเที่ยวและชมต้นไม้มหัศจรรย์หนึ่งเดียวในโลก ก็ว่าได้ จึงขอนำเอาเรื่องราวเล่าขานกันมาเนินนาน ของต้นไม้มณีโคตร หรือที่ ชาวบ้านทั่วไปเรียกต้น กกชี้ตายปลายชี้เป็น เอามาเล่าขานในบันทึกท่องเที่ยว ของผู้เขียนเองที่ได้ไปเยือนและชมมาแล้ว ได้เป็นความรู้ต่อไป ตลอดจนถึงความเชื่อที่มีต่อ ๆ กันมาได้มาบันทึกไว้

   
         ผู้เขียนได้มาที่น้ำตกคอนพะเพ็ง  แห่งนี้มาแล้ว จึงขอนำเรื่องราวความเชื่อ และศรัทธา ที่ชาวลาวมีความต่อต้นไม้มณีโคตร ที่อยู่ที่น้ำตกหลี่ผี ตามที่ชาวบ้านเขาเรียก หรือที่เรียกทั่วไปอย่างเป็นทางการว่า น้ำตกคอนพะเพ็ง เป็นน้ำตก
ที่มีชื่อเสียงของ ลาวใต้ แขวงจำปาสัก   โดยน้ำตกแห่งนี้ถือเป็นแก่งขนาดใหญ่กลางลำแม่น้ำโขง  และสวยงามที่สุดในลาว  ก็ว่าได้
      ความหมายของน้ำตกคอนพะเพ็ง  มีความหมายว่า พระจันทร์วันเพ็ญ”  ซึ่งที่กลางเกาะแก่ง แห่งนี้ มีต้นไม้    ต้นหนึ่งและมีความเชื่อว่ามีเพียงต้นเดียวในโลก ชื่อต้นไม้มณีโคตร หรือเรียกแบบบ้าน ๆ ว่า ต้นกกชี้ตาย ปลายชี้เป็น  มีคนเล่าเรื่องถึงต้นไม้นี้ตามตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน
 และเป็นที่น่าอัศจรรย์ สมัยที่ต้นไม้ชนิดนี้ยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันพระขึ้น 15 ค่ำ จะมีนกกาน้ำสีขาว จำนวนมากบินมาเกาะยังต้นไม้จำนวนมาก  ส่วนในวันพระแรม 14 หรือ 15 ค่ำ จะมีนกกาน้ำสีดำ บินมาเกาะสลับปรับเปลี่ยน กันวนเวียนมานานนับหลายสิบปี ตามที่คนเล่าคนแก่ เล่าขานสืบต่อมา และมีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานอย่างน่าอัศจรรย์มาก ของธรรมชาติ สร้างมาหรือว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ปาฎิหาริย์ ก็เหลือจะคาดเดาได้
        ซึ่งที่ตั้งของต้นไม้มณีโคตร จะเกิดอยู่ตรงหน้าผาเกาะแก่งที่กลางแม่น้ำโขงมาไหลมาบรรจบกันพอดี  ซึ่งจุดดังกล่าวมี ความกว้างกว่า 1 กิโลเมตรและสูงกว่า 15 เมตร และว่า
แม่น้ำโขง สายนี้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในลาวทางตอนใต้ของประเทศลาว โดยมีอาณาเขตติดต่อกัน ถึง 3 ประเทศ คือลาว ไทย เขมร  จากตำนานของลาวที่เล่าขานกันว่า เป็นต้นไม้วิเศษ หากปลายชี้ไปทางไหนก็จะมีแต่ความเจริญ โดยมณีโคตรมี  ปลายอยู่สามกิ่ง กิ่งหนึ่งชี้ไปทางแผ่นดินกัมพูชา กิ่งหนึ่งชี้มาทางแผ่นดินลาว และปลายที่ใหญ่ที่สุดชี้มาทางแผ่นดินไทย 
ต้นไม้ "มณีโคตร" เป็นต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียวเท่านั้น ที่ เกิดอยู่กลางระหว่างต้นไทร 2 ต้น ลักษณะของกิ่งและใบไม่ดกหนานัก  และที่ประหลาดพิสดารที่สุดก็คือ แทนที่ต้นมณีโคตรจะตั้งอยู่ตามธรรมชาติเหมือนต้นไม้ทั่วไปที่เติบโตพุ่งขึ้นสู่ฟ้า แต่กลับแหวกกฏธรรมชาติโดยปล่อยให้รากแก้ว รากฝอยพุ่งขึ้นไปในอากาศ และให้กิ่งก้านสาขาหยั่งลงบนพี้นน้ำแทน 
      โดยยังเจริญงอกงามอยู่ได้ไม่เฉาตาย มีตำนานเล่า
ขานจากคนแก่คนเฒ่าว่า แต่เดิมต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้มีความประหลาดพิสดารแบบนี้แต่อย่างใด ทว่า คราวหนึ่งมีสามเณรน้อยผู้เคร่งครัดรูปหนึ่งได้ขึ้นไปนั่งจำศีลบำเพ็ญภาวนาอยู่ใต้ต้นไม้นี้ ซึ่งยังมีลักษณะปกติอยู่ ตกเช้าก็ออกบิณฑบาตไปตามป่าเขา แม้บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลยแต่มีสามเณรก็มีอาหารเต็มบาตรทุกเช้า ว่ากันว่าทสามเณรได้บิณฑบาตมาจาก "ผีบังบด" ซึ่งเป็นภูตชนิดหนึ่งที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ต่อมาวันหนึ่งสามเณรท่านนี้ก็ได้เดินลุยน้ำเข้าไปในโพรงใต้ต้นไม้หายไปแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย รุ่งขึ้นอีกวันต้นไม้นั้นก็มีอันผิดกฏธรรมชาติ และคงอยู่ในลักษณะนั้นตลอดมา 
                          มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าเคยมีพระธุดงค์ ได้ออกจาริกเพื่อหาความสงบ และท่านเมื่อผ่านไปในหมู่บ้านหรือที่ใด ที่อยู่เลาะเลียบชายแดน ท่านมักจะกล่าวกับผู้คนที่พบพานอยู่เสมอว่า "ผู้ใดไปถึงหลี่ผี หากเป็นผู้ไม่มีบุญบารมีแล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นต้นมณีโคตร".. ผู้คนจึงหลั่งไหลมาเพื่อพบเห็นต้นมณีโคตรในที่สุด ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ต้นไม้ต้นนี้ขึ้นอยู่กลางน้ำใหญ่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว 
   แกนของต้นมณีโคตรหากตัดดูจะเห็นเป็น 3 สี คือสีนวลเหมือนไข่ไก่ สีม่วง และสีชมพู เป็นที่มาของชื่อมณีโคตรมณีโคตรต้นนี้ มองด้านหนึ่งคล้ายเขาควาย มี 3 กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวลาวเชื่อว่าใครได้กินลูกไม้ ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งหันไปทางฝั่งไทย เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึ้น เยาว์วัยขึ้น 
                       ต่อมา เมื่อวันที่ 19 เมษา  2012 ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลงแล้ว สาเหตุที่ต้นไม้ล้มเชื่อว่าเนื่องมาจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านั้นก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว เหตุที่ต้นมณีโคตรโค่นล้มเนื่องมาจากการบวงสรวงที่ต้องกระทำทุกปีนั้น ในปีนี้ได้กระทำผิดวิธี ทำให้ต้นไม้โค่นลง โดยหลังจากเริ่มทำพิธีเมื่อเวลา 1 ทุ่ม จากนั้นตอน 4 ทุ่มต้นไม้ก็ล้มลง เป็นที่ฮือฮาน่าตกใจสำหรับชาวลาวเป็นอย่างยิ่ง   ในขณะนี้ต้นมณีโคตรที่โค่นล้มยังคงถูกมัดไว้กับแก่งหินในบริเวณคอนพะเพ็ง โดยใช้วิธีหย่อนคนลงมาจาก ฮ. เพื่อนำเชือกมามัดต้นไม้ไว้กับแก่งหินไม่ให้ลอยหายไป แต่ยังไม่สามารถนำต้นขึ้นมาบนฝั่งได้เนื่องจากต้นไม้มีขนาดใหญ่มากและกระแสน้ำเชี่ยวมากเช่นกัน 
   จนเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2013 ทางการลาวได้ปฏิบัติ ภารกิจนี้จนสำเร็จ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก  ดยทหารต้องใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่เช้าถึง โมงเย็น เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญครั้งนี้ โดยนำเฮลิคอปเตอร์ทางทหารของลาวนำเจ้าหน้าที่หย่อนลงไป 2-4 คนเพื่อช่วยกันนำเอาต้น "มณีโคตร" ขึ้นมาจนได้
โดยหากเมื่อนำขึ้นมาแล้วจะนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ไม่ไกลจากที่ ต้นไม้เคยอยู่นั้นเอง ซึ่งผู้เขียนขอนำเอาเรื่องราวต่าง ๆ มาบันทึกไว้ตามที่ได้รับรู้มา ดังนี้..


@@@@@@@@@@@@



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น