13 มิ.ย. 2562

พระธาตุอินแขวน หรือไจ้ก์ทิโย หมายถึง หินรูปหัวฤๅษี

 

มหัศจรรย์ก้อนหินศูนย์รวมจิตใจของคนทั่วไป

                 ------------
          โดย..ณ  วงเดือน


         ผมได้มีโอกาศมาเยือนที่พระธาตุอินแขวนถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของชีวิตที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ เพราะหากไม่มีวาสนาความตั้งใจจริง ๆ แล้วไม่มีทางได้มาถึงแน
   จากเมืองย่างกุ้ง มาที่แห่งนี้รวมระยะทางกว่า 200  กม.ใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชม. เลยทีเดียว   พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่ที่เมืองไจ๊โถ่   (Kyaikto)   อ. สะเทิม  เขตของ รัฐมอญ และ อ.ชะเวจีน จ.พะโคะ  ของประเทศพม่า   เราใช้การเดินทางมาด้วยรถตู้ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร  เพื่อมายัง  คีนพันแบสแคม  (  KinpunBaseCamp )  ซึ่งเป็นจุดที่ทุกที่ต้องมารวมจุดนี้ เพื่อต่อรถขึ้นไปยังพระธาตุอินแขวนอีกที เราพร้อมคณะกว่า 11 ชีวิตในสภาพสบักสบอมกับการเดินทาง เมื่อลงรถแล้ว ต้องมารอ ต่อคิวเพื่อขึ้นรถโดยสาร ของทางเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการปล่อยรถขึ้นลงแต่ละเที่ยวจนกว่าจะเต็มถึงจะออกรถได้  โดยมีแถวม้านั่งยาวเป็นท่อนเดียวกัน มาตรฐานคือ ช่วงละ 6 คนหรืออาจจะเลยก็ได้แต่จะแน่นไปนิด ค่ารถโดยสารเก็บต่อคน ต่อเที่ยวไปกลับในราคา ครั้งละ 2,000 จ๊าต เมื่อรถเต็ม ถึงจะพายังไปจุดหมายด้านบนดอยต่อไป เรามาดูตำนานกันคร่าว ๆ 
   ความเป็นมาของหินก้อนนี้ ตามตำนานกล่าวไว้ดังนี้ หินก้อนนี้ ได้ชื่อว่าพระธาตุอินแขวน  หรือว่า พระธาตุไจที่โย่  เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า ตั้งอยู่บริเวณหน้าผาสูงชันบนยอดเขาไจที่โย่อย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมา ตามตำนานระบุว่า 

เมื่อฤๅษีติสสะได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้า และมัดซ่อนไว้ในจุกผมเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางกลับเพื่อถวายกษัตริย์ ด้วยความปรารถนาที่จะประดิษฐานพระเกศาไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างเหมือนศีรษะของฤๅษี กษัตริย์มีพระมารดาเป็นธิดาของพญานาค พบหินที่ด้านล่างของทะเล และได้รับความช่วยเหลือจากพระอินทร์ในการหาสถานที่วางหินเพื่อสร้างพระเจดีย์ เรือที่ใช้ในการขนส่งก้อนหินกลายเป็นหิน และเป็นที่เคารพบูชาโดยผู้จาริกแสวงบุญ โดยอยู่ห่างจากพระธาตุไจที่โย่ประมาณ 300 เมตร (980 ฟุต) รู้จักกันในชื่อ พระเจดีย์เจาะตานบาน (Kyaukthanban  )
     พระธาตุไจที่โย่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเทศกาลจาริกแสวงบุญช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม บรรยากาศของความศรัทธาจะเห็นได้ทั่วบริเวณพระธาตุ ขณะที่พระธาตุส่องประกายระยิบระยับในเฉดสีที่แตกต่างจากรุ่งอรุณถึงค่ำ  การสวดมนต์ของผู้แสวงบุญจะดังขึ้นในบริเวณพระวิหาร แสงเทียนและการทำสมาธิถวายเป็นพุทธบูชามีต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ผู้ชายสามารถที่จะเดินเข้าไป
เพื่อปิดทองบนองค์พระธาตุได้ อย่างไรก็ตามผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป  ส่วนในวันธรรมดานั้น ประตูจะปิด  ไม่ให้เข้าไปยังก้อนหินเพื่อปิดทองแต่อย่างใด  ผู้จะปิดทองได้แค่จุดธูปบูชา ยังบริเวณรอบนอกเท่านั้น  
       ในวันที่ผู้เขียนเดินทางเพื่อไปสักการะพระธาตุอินแขวนนั้นสายฝนก็โปรยปราย ตกตลอดทางตั้งแต่ จุดพักเพื่อเปลี่ยนรถ ขึ้นไปยังด้านบน เมื่อผู้โดยสารรวมผู้เขียนขึ้นรถไปแล้วยังรถบรรทุกขนาดกลางที่ดัดแปลงเป็นรถโดยสาร   ก็ได้พาปีนป่าย ขึ้นสู่ยอดเขา   เป็นที่หวาดเสียวพอสมควร เพราะตลอดสองข้างทางนั้นเป็นหุบเหวลึก ในใจลึก ๆ ก็กลัวว่า รถจะลื่นไถล เพราะฝนตกตลอด อาจจะทำให้รถลื่นหรือเบลกไม่อยู่ ตกลงไปในหุบเหวลึกได้ แต่คนขับ ก็มีสามารถมาก นำพารถโดยสารบรรทุกผู้คนเต็มคันรถ ขึ้นมายังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย  เมื่อเราขึ้นมาถึงยังจุดหมายด้านบน เราจะต้องผ่านจุดซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปด้านในอีกคนละ 10,000 จ๊าต หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 200 บาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้บัตรสายห้อยคอ  ติดตัวขึ้นไป ส่วนใครที่ ใส่กางเกงขาสั้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว จะต้องผ่านจุดตรวจอีกรอบ เพื่อให้ใส่ผ้าโสร่ง เพื่อความเป็นระเบียบและให้การเคารพต่อสถานที่นั้น จ่ายค่าผ้านุ่งอีก 1000 จ๊าต  
   สายฝนก็ยังโปรยปรายลงมาไม่หยุดตั้งแต่นั่งรถจนขึ้นมาสู่ด้านบน หมอกสีขาวทอดยาว มองแทบไม่เห็น เราพากันเดินแบบสบาย ๆ ท่ามกลางสายฝนลงมาบาง ๆ นึกในใจว่า ไม่รู้เราจะสามารถถ่ายรูปขององค์พนะเจดีย์ได้หรือไม่เพราะทั้งสายฝนและ หมอกสลัวขาวโพลนไปทั่วทั้งยอดดอย  เราเดินผ่านลานกว้าง เพื่อมุ่งหน้ามาสู่ยังบริเวณที่ตั้งของพระธาตุอินแขวน เป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่สายฝนและสายหมอกพลันอันตธานหายไปหมดสิ้นทันที  เราก็นึก " งง ๆ  "  ว่าแปลกดีที่เห็นแบบนี้ สักพักแสงแดดสาดส่องไสวทั่วบริเวณ ที่ตั้งของพระธาตุอินแขวนกระทบกับก้อนหิน ที่ห้อยอยู่บนหน้าผา แสงแวววาวส่องแสงสีทองสว่างไสว สวยงามเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่ง 
     เราลงไปยังบริเวณด่านล่างของ ชะง้อนหิน ซึ่งทำเป็นลานกว้างพอสมควร เป็นที่สักการะบูชา เมื่อกราบไหว้เสร็จเรียบร้อย เราเดินถ่ายรูปรอบ ๆ บริเวณ ทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ ใช้เวลาอยู่เกือบ 20 นาที ที่แสงแดด ส่องสว่างให้เราได้กราบไหว้ขอพร และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันแล้ว พลันแสงแดดที่เจิดจ้า ก็หายไปทันที ไม่นานสายลมก็พัดมาพร้อมกับละอองฝน โปรยปรายพอเป็นน้ำพุทธมนต์ คงเป็นเสมือนว่า เรามาไกลเพื่อตั้งใจมากราบไหว้โดยเฉพาะนั้นเอง จึงได้เห็นปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นให้เราได้เจอ 
  เมื่อเราออกมาพ้นเขตลานบริเวณของที่ตั้ง พระธาตุอินแขวนแล้วนั้น สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักเปียกปอนไปตาม ๆ กัน ถือเป็นความประทับใจที่ครั้งหนึ่งได้มาเยือนกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น้อยคนนัก ที่จะมาถึงได้หากไม่มีความตั้งใจจริง ๆ ที่จะมาเพราะการเดินทางขึ้นมาก็แสนลำบากพอสมควร กับการขึ้นมายังสู่ยอดดอยแห่งนี้  จึงขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้..
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น