13 พ.ย. 2563

พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดสีชมพูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดสีชมพูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 
โดย.ณ วงเดือน


เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ก่อนเข้าพรรษา ปี 2563 ทางบันทึกเที่ยว ในความทรงจำได้มี   โอกาศเดินทางไปกราบพระเจ้าใหญ่ องค์ตื้อ ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย วัดนี้มีความสำคัญและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาชาวไทยและลาว ตลอดทั้งสองฟากฝั่งลุ่มแม่น้ำโขงเลยทีเดียว
วัดนี้สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่บ้านหมู่ 8 บ้านน้ำโมง ต.น้ำโมง  อ.ท่าบ่อ บนเนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 
 ตามประวัติว่าวัดนี้  มีอายุการสร้างมาได้หลายร้อยปีแล้ว
ซึ่งภายในวัดมีสิ่งสำคัญ 5 อย่าง คือ 
1.พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ 2.พระพุทธสิหิงค์ ศิลปะล้านช้าง 3.เจดีย์หางนกยูง 2 เจดีย์ 4.เจดีย์ดอกบัว 1 และ 5.หลักศิลาจารึก จาก11 หลัก เหลือ 4 หลัก
ประวัติการสร้างหลวงพ่อใหญ่องค์ตื้อ ว่าสร้างมาแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ครองกรุงเวียงจันทร์ เมื่อปี พ.ศ 2105 ครั้งนั้น พระภิกษุพร้อมทั้งชาวบ้านน้ำโมง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้มีความคิดตกลงปลงใจ จะสร้างพระพุทธรูปขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะและให้อยู่สืบทอดชั่วรุ่นลูกหลานต่อไปภายหน้า

จึงได้ตกลงพร้อมใจกัน สร้างพระพุทธรูปขึ้นมา ด้วยการรวบรวมเรี่ยไร จตุปัจจัยตลอด เครื่องทองเหลือ ทองแดง ตามจิตศรัทธา ตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำโขง 
ได้ทองมาทั้งหมดหนักถึงหนึ่งตื้อ 
ซึ่ง มาตราชั่งน้ำหนักของคนสมัยโบราณ จะเรียก 10 ชั่ง เป็นหมื่น 10 หมื่น เป็นแสน  10 แสน เป็นล้าน และ 10 ล้านเป็นโกฎิ  10 โกฏิ เป็น 1 กือ 10 กื้อ เป็น 1 ตื้อ 
โดยใช้ช่างทำพิธีเททองในครั้งนั้น มาจากช่างฝีมือฝ่ายเหนือ และช่างฝีมือชาวล้านช้างผสมร่วมมือช่วยกันทำ จนสร้างพระเททองเสร็จเรียบร้อย
แกะพิมพ์มา ได้พระพุทธรูปลักษณะงดงามมาก เป็นพระปางมารวิชัยนั่งขัดสมาธิ  ขนาดหน้าตักกว้าง 3 ม. 29 ซม. สูง 4 ม.และประดิษฐานอยู่ที่ วัดศรีชมพูองค์ตื้อ
ที่ บ้านน้ำโมง อ.ท่าบ่อ นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนปัจจุบัน
และมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าครั้งหนึ่ง พวกจีนฮ่อ ได้ข้ามแม่น้ำโขง มาขึ้นที่ฝั่งวัดน้ำโมงแห่งนี้  เพื่อที่จะทำลายพระเจ้าใหญ่ องค์ตื้อ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ที่เคารพของผู้คนทั่วทั้งแถบนี้ เพื่อเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของชาวบ้าน
พวกจีนฮ่อทั้งหลาย ที่บุกเข้ามาด้านในวิหาร ได้ใช้มีดขวาน จ้วงฟันไปทั่วทั้งองค์พระ และได้ใช้ขวานฟันลงไปที่ บริเวณเข่า และแขนตลอดข้อมือ ทำให้เกิดเป็นรอยแผลขนาดใหญ่ และได้มีเสียงร้องออกมาจากภายในองค์พระ พร้อมทั้งมีน้ำตาไหล ออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เป็นที่น่าเวทนายิ่ง พวกจีนฮ่อ เห็นดังนั้นพากันตกใจ กว่าจะเกิดภัยขึ้นกับพวกตน จึงได้พากันถอยกลับข้ามฝั่งลาวไปทันที
แต่เมื่อข้ามกลับไปแล้วปรากฎว่า กลุ่มจีนฮ่อเหล่านั้นต่างถึงแก่ความตายจนหมดสิ้นทุกคน อย่างไม่ทราบสาเหตุ  
 ในทุกวันนี้  ที่บริเวณหน้าตักข้างซ้ายก็ยังมองเห็น แผลเป็นขนาดใหญ่จากการถูกขวานฟันลงมา ให้เห็นจนทุกวันนี้
บริเวณข้อศอกขวาและที่หน้าตักข้างซ้าย ยังปรากฎมีรอยของมีคม ฟันลงมาเป็นรอยอย่างชัดเจน 
วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มีงานบุญประเพณีนมัสการองค์หลวงพ่อ สมโภชน์ประจำทุกปี จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม เรียกบุญเดือน 4  
ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 
บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ขอนำเรื่องราวความเป็นมา ของวัดนี้ และประวัติต่าง ๆ ขององค์หลวงพ่อใหญ่องค์ตื้อ เพื่อบันทึกเป็นความทรงจำและความรู้ ของผู้เขียนให้คงอยู่ตลอดไป..

@@@@@@@@@@@@@

12 พ.ย. 2563

ฝ่ามือ อรหันต์หนึ่งเดียวในโลก ที่วัดหนองเตย จ.นครนายก

วัดหนองเตย มีฝ่ามืออรหันต์ หนึ่งเดียวในโลก

โดย.ณ วงเดือน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน บันทึกเที่ยว ในความทรงจำได้เดินทางผ่าน จ.นครนายก และที่วัดหนองเตย ต.พราห์มณี ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายสุวรรณศร  เป็นอีกวัดหนึ่งที่ได้เข้าไปแวะเที่ยชม จึงขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำดี ๆ อีกเรื่อง
ที่ด้านหน้าของวัดจะมีป้ายผ้าขนาดใหญ่ ที่เขียนไว้ว่า ฝ่ามือพระอรหันต์ ฝ่ามือแรกของโลก หนึ่งเดียวในสยาม เป็นจุดเด่น ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง อดที่จะจอดแวะเข้าไปเที่ยวชมไม่ได้ รวมทั้งผู้เขียนด้วย จึงขอบันทึกไว้อีกเรื่องราวหนึ่ง ในบันทึกท่องเที่ยว ในครั้งนี้ด้วย
  วัดหนองเตย เป็นวัดเก่าแก่มาแต่สมัยอยุธยา ซึ่งประวัติของทางวัดได้มีบันทึกไว้ว่า ได้มีหลวงปู่ทองเฒ่า เป็นผู้ก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา ในราวปี พ.ศ 2400 และได้รับวิสุงคามสีมา  เมื่อ 3 กรกฎาคม 2535 เมื่อ เข้ามาด้านในวัด ที่หน้าประตูทางเข้ามา ยังมีพุทธวิหารปูชนียาจารย์ รวบรวมรูปปั้นตลอดจนสิ่งของสมัยโบราณ ไว้ด้านในวิหารนี้ด้วย
 
วัดหนองเตย ถือได้ว่าเป็นวัดแห่งแรกในประเทศ ก็ว่าได้ที่ท่านได้จัดสร้าง พระอรหันต์พุทธสาวก จำนวน 80 องค์และสร้างฝ่ามืออรหันต์ ให้ผู้คนได้เข้ากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว 
ฝ่ามืออรหันต์ขนาดใหญ่ ติดฝ่าผนังเห็นเด่นเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างยิ่งเมื่อเข้ามาภายในศาลาการเปรียญที่ก่อสร้างไว้ภายในร่วมกับรูปปั้นของพระอรหันตสาวก จำนวน 80 องค์

ในสมัยหลวงปู่พัต  โสปโต เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดวาจนเจริญรุ่งเรือง และเหรียญวัตถุมงคลของท่านรุ่น อนุสรณ์สร้างอุโบสถ สร้างในปี พ.ศ 2523ก็เป็นที่นิยม ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาท่านเป็นอย่างยิ่ง
ด้านในศาลาของที่ตั้งฝ่ามืออรหัต์ ยังมีวัตถุมงคลต่าง ๆ ทั้งเจ้าแม่ธรณีบีบมวยผม  ตลอดจนรูปแกะสลักปู่ชูชกมหาลาภ ให้ผู้คนได้เที่ยวชม และกราบไหว้ขอพรกันอีกด้วย
 หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาส พาแน่ะเยี่ยมชมภายในศาลาที่จัดแสดง ฝ่ามืออรหัต์หนึ่งเดียวในสยาม และพระอรหันต์สาวก 80 องค์ ภายในอาคารที่จัดแสดง
 นอกจากนี้ยังมีเหรียญฝ่ามือ อรหันต์จิ๋ว ซึ่งจัดสร้างในงานเททองหล่อ 80 พระอรหันต์ ใน ปี พ.ศ 2554 ให้บูชา เพื่อสมทบทุนก่อสร้างเสนาสนะ ที่ทรุดโทรดในวัดด้วย
 ด้านหน้าขวามือ ของประตูทางเข้าวัด ยังมีศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง และต้นตะเคียนอายุหลายร้อยปีขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านริมถนน มีทั้งเครื่องเซ่นไหว้ ผ้าสไบ ที่ผู้คนมาขอโชคลาภ สมหวังนำมาแก้บน กันเป็นจำนวนมาก
ภายในด้านศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง มีรูปปั้นตัวแทนเจ้าแม่ ที่ตั้งวางของเซ่นไหว้ กับผู้คนที่มาบนบนแล้วได้ผลอย่างที่ขอ
 บันทึกเที่ยวในความทรงจำ จึงขอบันทึกเรื่องราว ที่ได้ไปพบมาเจอ ที่วัดหนองเตย นำเรื่องราวมาบันทึกไว้เป็นความทรงจำดี ๆ อีกเรื่องในที่แห่งนี้.

แม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศน์ เขตสวนหลวง กทม.

โดย.ณ วงเดือน

บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศมาเที่ยวชมและได้มายังวัดมหาบุศย์ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดแม่นาคพระโขนง ซอยสุขุมวิท 77 ถนนอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม.
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มาแต่สมัย โบราณสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประมาณ ปี พ.ศ 2305 ก่อนเสียกรุงเก่าให้พม่า 5 ปี  แต่เดิมชื่อว่า วัดสามบุตร

ด้านหน้าเมื่อเข้ามาสู่ยังวัดมหาบุศย์ จะมีวิหารเล็ก ๆ ของหลวงพ่อยิ้ม อยู่ทางด้านซ้ายมือ ด้านในเป็นที่ตั้งพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีใบหน้าลักษณะยิ้มแย้มให้กับผู้คนทั่วไปที่มากราบไหว้  ขอพรกันเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเที่ยวชม ด้านในวัดต่อไป ซึ่งทางด้านขวามือยังมีอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ให้ผู้คนเข้าไปเที่ยวชมได้อีกด้วย
วัดมหาบุศย์ ตามประวัติว่า มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์อยู่หลายปี จนมาประมาณ ปี พ.ศ 2455 ต้นรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะเสนาสนะขึ้นหลายอย่าง และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 18 เมษายน 2459  ต่อมา ปี พ.ศ 2470 อุโบสถหลังเก่าทรุดโทรมลง และได้รื้อถอนไป และสร้างขึ้นใหม่ หน้าโบสถ์สลักเป็นลายกนก ไทยรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หลังคาสองชั้น ลดลั่นกัน

มาที่ท่านพระมหาบุศ เปรียญ 5 ประโยคแห่งสำนักวัดเลียบ ท่านได้มาเยี่ยมญาติโยมของท่านที่มีภูมิลำเนา แถบคลองพระโขนง  แล้วชาวบ้านแถบนั้นได้นิมนต์ท่าน เป็นเจ้าอาวาส ให้อยู่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านแถบนั้น และได้ชื่อวัดว่า วัดมหาบุศย์ตามชื่อท่านนั้นเอง
ทางด้านขวามือ อยู่เลยอุโบสถมาเล็กน้อย จะเป็นที่ตั้งของศาลแม่นาค ซึ่งอยู่ติดริมคลองพระโขนง เมื่อเดินเข้ามาแล้วมีสิ่งศักเิ์สิทธิ์หลายอย่างให้กับผู้คนที่มักนิยมมาเสี่ยงโชค กราบขอลาภกันอีกด้วย

ประวัติของแม่นาค มีเรื่องเล่าว่า สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อมาก ภรรยาชื่อนาค อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านริมคลองพระโขนง จนต่อมามาภรรยาตั้งครรภ์ขึ้นมา สามีถูกเรียกไปเป็นทหารปล่อยให้นางนาค อยู่เพียงลำพัง และนางท้องโตขึ้นจนถึงกำหนดคลอด แต่ไม่สามารถคลอดได้ตามธรรมชาติ จึงได้สิ้นใจตายลงพร้อมลูกในท้อง เป็นผีตายทั้งกลม  ที่ยังมีความรักพันผูกกะสามีอยู่วิญญาณของนางนาค จึงไม่ไปใหน ยังรอสามีอยู่ที่บ้านริมคลองนั่นเอง
ชาวบ้านจึงช่วยกันนำศพไปฝังยังท้ายวัดมหาบุศย์ ฝ่ายสามีคือ ทิดมากเมื่อปลดทหารมา ได้กลับมาบ้านหาเมียด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง เมื่อมาบ้านพบเมียกับลูกรออยู่ และ นางนาคก็ พยายามไม่ให้สามี พบปะกับชาวบ้านแถวนั้นกลัวสามีจะรู้ความจริง เรื่องที่นางกับลูกตายไปแล้ว
แต่ชาวบ้านก็พยายามที่จะบอกทิดมาก เรื่องที่นางนาค ภรรยากะลูกของเขานั้นได้ตายไปแล้ว จนต่อมาวันหนึ่ง ขณะที่นางนาคกำลังตำน้ำพริก อยู่บนบ้านนางได้ทำมะนาวหลุดมือตกไปใต้ถุนบ้าน ด้วยความรีบร้อน นางจึงใช้มือยาว ๆ  ล้วงลงไปใต้ถุนบ้าน เพื่อเก็บมะนาว เป็นจังหวะที่สามีทิดมาก ผ่านมาเห็นพอดี จึงมีความเชื่อว่า ภรรยาของตัวเองได้เสียชีวิตตามที่ชาวบ้าน บอกไว้จริง ๆ
นั่นก็เป็นเรื่องเล่าตำนานของแม่นาคพระโขนงที่วัดมหาบุศย์แห่งนี้ ซึ่งมีศาลของแม่นาค ตั้งไว้ให้ผู้คนที่มีความเชื่อศรัทธาได้เข้าไปกราบไหว้ขอพร โชคลาภกันอยู่เนื่อง ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในวันใกล้หวยออก ผู้คนจะแห่กันไปขอโชคลาภเป็นจำนวนมาก เลยทีเดียว 
และผู้คนที่มากราบขอพรแม่นาค ที่วัดมหาบุศย์ ที่ควรทราบ ของข้อห้ามเมื่อมากราบขอพรแม่นาค  โดยมีข้อห้ามว่า 1.ห้ามปิดทองที่ใบหน้า ดวงตา ริมฝีมากแม่นาค โดยเด็ดขาด  2.ห้ามเท น้ำหอม น้ำมันจันทร์ ลงที่องค์ของแม่นาค ปิดแผ่นทองได้ ที่องค์รอบ ๆ ของท่านและบนฝ่ามือเท่านั้น 3. ห้ามพรมน้ำอบ และรดน้ำ 4.ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม เข้ามทานภายในศาลโดยเด็ดขาด 5.ห้ามนำสัตว์เลี้ยง เข้าไปภายในศาล และห้ามใส่รองเท้าเข้าไปด้านใน 
รอบบริเวณของศาลแม่นาค ยังมีร้านค้าาจำหน่ายของเซ่นไหว้แม่นาค มีทั้งของเด็กเล่น ที่จะนำไปฝากลูกแม่นาค เสื้อผ้าต่าง ๆ ตลอดดอกไม้ธูปเทียนพวงดอกดาวเรืองที่จะนำไปกราบขอพรแม่นาค ตลอดทั้งยีงมีร้านค้าจำหน่าย กบ ปูปลา เพื่อปล่อยสะเดาะห์เคราะห์ด้วยแก่ผู้ต้องการทำบุญปล่อยนก ปลา ก็มีในรอบบริเวณนั้น
ส่วนใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวชม ต้องการแวะเวียนไปกราบไหว้ขอพรกัน ทางวัดก็เปิดให้เข้าไปไหว้บูชากันได้ตั้งแต่ เวลา 07.00-17.30 น. ส่วนในวันก่อนหวยออก กลางคืน จะเปิดให้เข้าไหว้ตลอดทั้งคืน 
ด้านหน้าศาลแม่นาค ยังมีเรือตะเคียนโบราณ และต้นตะเคียนตั้งไว้ให้ผู้คนมาเสาะแสวงหาเลขเด็ดด้วยการใช้แป้งโรยทา จนขาวโพนไปทั่ว  ในวันก่อนหวยออกอีกด้วย

สำหรับบันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศได้ไปกราบเที่ยวชมยังวัดแม่นาคมาแล้ว จึงขอบันทึกเรื่องราวคร่าว ๆ ความเป็นมาไว้ ในบันทึกแห่งนี้ ให้อยู่ในความทรงจำ ดี ๆ ตลอดไป.
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@