23 ต.ค. 2562

เสมาพันปี วัดโพธิศิลา อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ

ตามดูร่องรอยอารยธรรมพุทธศาสนา เสาเสมา อายุหลายพันปี

โดย.ณ  วงเดือน


           เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  ได้เดินทางผ่านเส้นทาง ถนนสายพนา -ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ  ได้เห็นป้ายแสดงข้อความถึงเสาเสมา ทางพุทธศาสนา ที่อยู่ทางเข้าของหมู่บ้านเปือยหัวดง  ต.เปือย อ.ลืออำนาจ  

               และเห็นมีความน่าสนใจ ที่ว่ามีอายุหลายพันปี จึงได้ตกลงใจที่จะขับรถเข้าไปดู ถึงแม้ว่าในขณะนั้นน้ำมันรถ เริ่มขึ้นขีดแดงเตือนแล้ว แต่ด้วยความใคร่รู้สนใจ จึงยอมขับเข้าไปชมก่อนที่จะหาปั้มน้ำมันทีหลัง  จากถนนสายพนา-ลืออำนาจ ด้านขวามือ มีป้ายชี้บอกว่า เสาเสมาพันปี วัดโพธิศิลา ได้เลี้ยวรถเข้าไปประมาณ 800 เมตร จากถนนใหญ่ ตรงข้ามขวามือของวัดซึ่งสถานที่นี้อยู่ในพื้นที่คาดว่า เป็นอาณาเขตของวัดด้วย ที่นี่ถือเป็นสถานแหล่งโบราณคดี ที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดนี้เลยทีเดียว
   เมื่อขับรถเข้าไป พบว่ามีความสงบร่มเย็นมากพอสมควร โดยวัดแห่งนี้มีต้นโพธิ์ อยู่เป็นจำนวนมากเลยได้ชื่อว่าวัดโพธิ์ศิลา ต่อด้วย นั้นเอง  ซึ่งประวัติว่า วัดนี้สร้างมาเมื่อปี พศ.2400
มีพื้นที่ ซึ่งเสาเสมาตั้งอยู่ มีอาณาเขตไม่กว้างมากนัก มีทางขึ้นเดินขึ้นไป ไม่กี่ขั้น มีราวบันไดพญานาค สองข้างขึ้นไปซึ่งคาดว่า บันไดสร้างขึ้นในเวลาไม่นานนัก  ด้านบน จะเป็นที่ตั้งของเสาเสมาหินทราย ปักอยู่  ที่มีใบเสมาใหญ่ 2 ใบ และเสาเสมาเล็กๆ อีกเรียงรายกันไป และมีป้ายหินอ่อน ขนาดเล็กๆ ปักไว้ด้านหน้าเสา บอกเรื่องราวอายุ ของเสาเสมา เหล่านี้ว่า มีอายุการสร้างน่าจะอยู่ในช่วง พุทธศตวรรษ ที่ 12-13 ซึ่งใบเสมาหินทรายนี้ มีการสลักเป็นลวดลาย


                                  สวยงามปราณีตมาก เป็นรูปหม้อน้ำ และแกนยาวกลางใบเสมาเป็นคล้ายมีดพระขรรย์ชัย  บงบอกถึงความเจริยญเดียวกันกับยุคของอินเดียแบบอมราวดี  ซึ่ง ยังทราบเป็นข้อมูลมาอีกว่า เสาใบเสมาทางพุทธศาสนา คล้ายกันนี้ มีอยู่พื้นที่ใกล้เคียงกันนี้ หลาย จุดด้วยกัน
 คาดว่า คงย้ายมาจากที่แห่งเดียวกันนี้ นั้นคือ ใบเสมา ที่ตั้งอยู่ที่วัดป่าเรไร  บ้านเปือยหัวดง และ ใบเสมาที่หลังโรงเรียนเปือย  นอกจากนี้ยังขุดพบ หม้อดินเผาขนาดใหญ่ ลายเชือกทาบ ข้างในใีการบรรจุพระพุทธรูปบุเงินแท้ องค์เล็กๆ อยู่จำนวนมากอีกด้วย  ด้านหน้าของที่ตั้ง มีป้ายบร์อดขนาดใหญ่แสดงภาพถ่ายเรื่องราว และความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ได้รับรู้ที่มาที่ไป และข้อมูลเป็นอย่างดี ได้รับรู้ถึงอารยธรรมของพุทธศาสนา ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้วในครั้งอดีตยาวนาน ถึงพันปีเลยก็ว่าได้  บันทึกท่องเที่ยว ถือว่าได้มีโอกาศไปเยี่ยมเยือนและชมความงดงามอารยธรรมโบราณแบบมีมนต์ขลัง เลยก็ว่าได้ จึงขอบันทึกไว้ในความทรงจำต่อไ



พระเจ้าใหญ่ลือชัย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ

พระเจ้าใหญ่ลือชัย ความงดงาม บนความศรัทธา ที่วัดอำนาจ

โดย.ณ  วงเดือน



        ผมได้มีโอกาศได้ไปกราบขอพร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านย่านถิ่นนั้น มีความเคารพศรัทธาเชื่อมั่นมายาวนานนับแต่สมัยโบราณ มาแล้ว นั่นคือพระเจ้าใหญ่ลือชัย  หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พระฤทธิ์ลือชัย 


                                         เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง  ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ปางมารวิชัย  ลงรักปิดทอง สวยงามมาก สร้างในสมัย ปี พศ.2398-2404 โดยหลวงพ่อ พระครูบัณฑิต พระอมรอำนาจ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองลืออำนาจ ในสมัยนั้น  ตลอดทายกทายิกา เจ้าภาพ ประชาชนทั้งหลายร่วม ใจพร้อมเพรียงกันในการก่อสร้างองค์หลวงพ่อขึ้นมา เพื่อเป็นพระประธานอยู่ในอุโบสถ ของวัด อำนาจ อ.ลืออำนาจ  จ.อำนาจเจริญ โดยชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า
 ใครที่มากราบไหว้ขอพรโชคลาภ จะได้รับสวัสดิมงคล มีความเจริญรุ่งเรือว มีชื่อเสียงลือนาม มีปาฎิหาริย์บังเกิดแก่ผู้กราบไหว้อธิษฐานด้วยใจบริสุทธิ์หนักแน่น  มักได้พรสมหวังดังใจต้องการ ซึ่งทางผู้เขียนเองได้ขอพรให้สมหวังดั่งใจมุ่งมาดปรารถนา ก็รอฟังผลต่อไป

             
   นอกจากนี้ ภายอุโบสถ ยังมีพระพุทธรูปยก เสี่ยงทาย ซึ่งใครจะบนบาน อยากรู้ล่วงหน้า  ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เราขอบนบานนั้น จะสำเร็จหรือไม่อย่างไร ก็ลองยกเสี่ยงทายกันดู อุโบสถของวัดอำนาจ มีความสวยงามมาก โดยรอบอุโบสถ มีพญานาคราช วนโดยรอบ เป็นประตูทางเข้า ออกสวยงามมาก ยิ่งเมื่อต้องแสงดวงอาทิตย์ อุโบสถแห่งนี้ยิ่งมีความสว่างสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งหนัก บันทึกท่องเที่ยวขอบันทึกไว้ในความทรงจำต่อไป..

@@@@@@@@@


หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี

หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปปางมาวิชัย

ตั้งอยู่ริมคลองระพีพัฒน์

โดย.ณ วงเดือน


           เรื่องความแปลกอภินิหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางผู้เขียนชอบไปเที่ยวชมและบันทึกไว้ในความทรงจำ เพื่อเป็นข้อมูลการท่องเที่ยว และเป็นข้อมูลสถานที่นั้น ๆ ด้วย
   ด้วยความที่ได้ฟัง ได้รับรู้ถึงเรื่องราวแปลกอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์นี้มานานแล้ว หลายปี จนมามีโอกาศได้ไปกราบไหว้ ชมบารมีขอพรกับหลวงพ่อบ้าง โดยได้เดินทางไปถึง เมื่อเกือบช่วงเที่ยง แดดร้อน ๆ ของกลางเดือนตุลาคม
           ที่ตั้งของวิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ได้อยู่ในเขตของวัด หรือ สถานที่อย่างที่เราเห็นทั่วไป  แต่ สถานที่ตั้งของหลวงพ่อนี้ กลับตั้งอยู่ริมคลอง ระพีพัฒน์ ติดถนน เล็ก ๆ เลาะเรียบคลอง ในเขตพื้นที่ บ้านหนองตาโล่ ต. คชสิทธิ์  อ.หนองแค  จ.สระบุรี  ด้านหลังเป็นที่ตั้งของตลาดหนองตาโล่  มุ่งหน้า รอยต่อ อ.อุทัย จ.อยุธยา
                   ตามเรื่องเล่ากล่าวขานกันมาถึงสถานที่นี้ว่า ในการขุดลอกคลองระพีพัฒน์ ขึ้นมา ได้มีคนงานขุดคลองเอาดินมาถม ยังบริเวณตลิ่งที่เป็นกองดินจอมปลูกตั้งอยู่นั้น  ทำให้ดินที่พอกองค์พระไว้ ได้แตกออกมา เผยให้เห็นองค์พระพุทธรูป เมื่อวันจันทร์ ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ปีกุล พศ.2502 

 ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวต่างหลั่งไหล มากราบไหว้บูชากันมากและ เชื่อกันว่ามาบนบาน ขออะไรมักสำเร็จดังที่หวัง จึงได้ชื่อว่าหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบัน มีคณะกรรมการดูแล และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับประชาชนที่มากราบไหว้ขอพรกัน

โดยรอบวิหาร มีสถานที่นั่งพักด้านหน้าของวิหาร และมีตู้รับบริจาคให้อาหารปลา โดยมีศาลาท่าน้ำหน้าวิหารหลวงพ่อ ให้เป็นที่ชาวบ้านได้ให้อาหารปลา
    นอกจากนี้ ข้างๆ ของวิหารมีร้านค้าสลากกินแบ่งจำนวนหลายร้าน ให้นักท่องเที่ยวแสวงโชคลาภกัน ด้านหน้า ของวิหารยังมีร้านสะดวกซื้อและ ห้องน้ำสุขา บริการให้กับผู้ มาขอพรกันอีกด้วย  ใครที่มากราบขอพรหลวงพ่อแล้ว ด้านข้างวิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์ ยังมีศาลของเจ้าพ่อหมื่นราม และมีที่จุดธูปเทียนอยู่ด้านหน้าด้วย
                  ที่นี่ในทุกปี ช่วงลอยกะทง เดือน 12 จะมีงานเฉลิมฉลององค์หลวงพ่อ มีร้านค้ามาร่วมขายของและร่วมงานบูชา องค์หลวงพ่อปฎิบัติเช่นนี้มาทุกปี ทางผู้เขียนจึงได้ถือโอกาศมา เที่ยวชมกราบไหว้และบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกท่องเทียว อีกบันทึกหนึ่งให้คงอยู่เป็นความรู้ต่อไป..



                                             @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

17 ต.ค. 2562

ตำนานคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

วังนาคินทร์ที่ คำชะโนด ทางลงสู่เมืองพญานาค

โดย.ณ  วงเดือน


           มีเรื่องเล่ามากมายที่เกาะคำชะโนด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของ 3 ตำบล คือ ต.วังทอง ต.บ้านม่วง ต.บ้านจันทร์  เขต อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี   เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อ ต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผีจ้างหนัง  ซึ่งเป็นข่าวดังมากเมื่อ ปี พศ .2532  ในสมัยนั้น      


      ตลอดจนเรื่องของผู้คนที่มาขอพร ขอโชคลาภขอหวยกันและถูกหวยรวยกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นกะแสพลุแตกผู้คนต่างหลั่งไหลเพื่อไปเข้าชมกันยังเกาะคำชะโนดแห่งนี้ เพื่อให้เห็นกับตาตัวเอง รวมทั้งผู้เขียนเองด้วยที่ไม่พลาดที่จะไปดูด้วตาตนเองด้วย  จึงได้มีโอกาศเดินทางไปเมื่อช่วงปลายปีก่อนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นผู้คนกำลังแตกตื่นไปกันมาก ซึ่งทางผู้เขียนก็ไปถึงที่เกาะคำชะโนดเที่ยงคืนพอดี ซึ่งที่พักตลอดโดยรอบแถบนั้นเต็มหมด เพราะผู้คนกำลังอยากไปดูและพิสูจน์กันถึงเรื่องลี้ลับ ที่เล่าขานสืบต่อ ๆ กันมา

           มาดูเรื่องราว ความเชื่อรูปร่างของพญานาค ในภูมิภาคอาเซียนเรานั้น ส่วนมาก เชื่อในรูปร่างลักษณะทางกายภาคไม่แตกต่างกันมากนัก โดยส่วนมากเชื่อว่าเป็นงูใหญ่ มีหงอนสีทอง ตาสีแดง และมีเกล็ดตามตัวคล้ายปลา  มีรูปร่างสีสันต่างกันไปตามเผ่าพันธุ์นาค ซึ่งแบ่งออกไปตามตระกูลของนาต จากต่ำ ถึงสูง  โดยมีจุดสังเกตจากหงอน ที่หัวของนาค  และ ขนาดที่มีหัวเพิ่มขึ้น  เช่น มีหัวตั้งแต่ 3 หัว 5หัว 7หัว และ 9 หัว และเคยมี บันทึกไว้ 11 หัว  ซึ่งทุกสายพันธุ์ของพญานาค จะมีเหล่ากอสืบเชื้อสายมาจาก  พญาอนันตนาคราช  ซึ่งเป็นผู้อยู่สุงสุด ของพญานาคทั้งปวง ซึ่งพญาอนันตนาคราช หรือมีชื่อว่า พญาเศษนาคราช ผู้เป็นบัลลังค์ที่ประทับของ พระวิษณุนารายณ์ปรมนาท โดยการเกิดขึ้นของ พญานาคนั้นเกิดขึ้นได้ทั้ง บนบก และน้ำ  หรืออาจจะเกิดจากครรภ์แบบมนุษย์ก็มี ตลอด เกิดมาจากไข่ ก็มีเป็นส่วนมาก  โดยมีคุณวิเศษมาโดยกำเนิดจากบุญญาบารมี

   สามารถทำให้เกิดทั้งคุณและโทษต่อ ใครก็ได้  ในคติความเชื่อของ ผู้คนโดยเฉพาะทางภาคอิสาน และฝั่งซ้ายเลาะเรียบแม่น้ำโขง ทั้งไทยและลาว  มีความเชื่อกันว่า พญานาคส่วนมากจะอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง  ซึ่งเชื่อว่า ใต้ของแม่น้ำของนั้นจะมีเมืองบาดาล  อันเป็นเมืองหลักของพญานาคทั้งหลาย
ซึ่งชาวไทยและลาว ของสองฝากฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อตามตำนานเล่าขานกันมานานว่า ในเขต อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ด้านหัวเมือง จะมีลำห้วย หลวงไหลออกมาเรียก ว่า ปากห้วยหลวง  ที่อยู่ฝั่งบ้านโดน ของ ลาว  ซึ่งในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขาวขึ้นกลางแม่น้ำโขง แถบนั้น  มีวันหนึ่งได้มัหญิงสาวของบ้านโดน  ฝั่งลาว ได้ลงมาตักน้ำที่ หาดทรายนั้น ซึ่งจุดบริเวณดังกล่าวจะมีตาน้ำผุด ออกตลอดเวลา
หลังลงมา   เพื่อจะหาบเอาน้ำไปไว้ใช้กินและใช้งานอื่นๆ ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  ทางพ่อแม่จึงได้ออกหาติดตาม ลงมายังท่าน้ำโขงแห่งนั้น แต่ไม่พบแต่อย่างใด ทิ้งไว้แค่รอยเท้าและ ถังใช้ตักน้ำนั้น  จนผ่านไป 7 วัน  คิดว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว  จึงได้พากันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
จนมาถึงเที่ยงคืนของวันที่ 7  หญิงสาวคนนั้นก็เดินทางขึ้นมาจากหาดของแม่น้ำโขงนั้น และพ่อแม่ญาติต่างพากันดีใจมาก
       หลังจากนั้น ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ไปพบเห็นให้ทางบ้านรับฟังว่า
ช่วงเย็นของวันนั้นได้ลงไปตักน้ำ ยังหาดทราย อย่างเช่นทุกวัน ได้เห็นหมูป่าตัวหนึ่่ง ได้ยกขาหน้าขึ้นมากวักเรียก ให้เข้าไปหา เมื่อเดินเข้าไปหาเหมือนโดนมนต์สกด หมูป่าตัวนั้นกลับพูดได้ และบอกว่า จะพาไปดูแก้วแหวนเงินทอง ที่เมืองบาดาล หากอยากได้ให้ตามมา และให้หลับตาลง เมื่อได้ทำตาม หลังจากลืมตาขึ้นมา ปรากฎว่าได้มาอยู่ยังเมืองบาดาลแล้ว
และได้ไปพบผู้คนมากมาย ซึ่งมีความสวยงดมากมาก ทั้งหญิงและชายแต่แปลก ที่ไม่พบ เด็กหรือว่าคนแก่ชรา อย่างที่ควรจะเป็น และได้ไปอยู่อาศัยยังบ้านของคนหนึ่ง ซึ่งมีอัธยาศัยน้ำใจดีมากให้เป็นที่พักพิง จนตื่นมาของอีกวัน ก็ปรากฎว่า ได้เดินกลับมายังที่ชายหาด ที่เก่านั้นและได้เดินกลับมาบ้าน ซึ่งทราบว่าตัวเอง ได้หายไปนานถึง 7 วันเลยทีเดียว
       นี่ก้เป็นอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่พี่น้องสองฟากฝั่งไทยลาวนำเรื่องมาพูดต่อเนื่องเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค ให้ได้รับรู้อยู่เนือง ๆ

   ส่วนที่เกาะคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี  ก็มีเรื่องเล่ามากมาย ดังที่เป็นที่ทราบกัน รวมทั้งเรื่องผีจ้าหนังซึ่ง ก็มีคนนำเอาเรื่องราวไปสร้างเป็นภาพยนต์ออกมาฉายแล้วก็มี โดยวันนั้นทางผู้เขียนก็ขอนำบันทึกเรื่องราวความทรงจำดี ๆ ไว้ที่นี่อีกต่อไปเพื่อยืนยันได้มาถึงแล้วกับสถานที่ลี้ลับและเป็นที่นิยมของนักแสวงบุยและขอโชคลาภทั้งหลาย ที่เกาะคำชะโนดแห่งนี้...


@@@@@@@@@@@@@@@











14 ต.ค. 2562

ท้าวเวสสุวรรณ วัดโพธิ์ใหญ่ อ.บางคลัา จ.ฉะเชิงเทรา

มากราบขอพร ท้าวเวสสุวรรณ อายุหลายร้อยปี ที่วัดโพธิ์ใหญ่
---------
โดย.. ณ  วงเดือน




    เมื่อเดือนก่อนทางผู้เขียน  ได้มีโอกาศเดินทางผ่าน อ.พนมสารคาม  จ.ฉะเชิงเทรา  และถือโอกาศแวะกราบไหว้ขอพร ท้าวเวสสุวรรณอายุหลายร้อยปี  และท้าวเทพทันใจ ที่ตั้งอยู่ภายในวัดแห่งนี้ด้วย

            วัดโพธิ์ใหญ่ แห่งนี้  ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองเก่า  อ.พนมสารคาม  และเคยเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ในปี พ.ศ. 2536  อีกด้วย ที่ได้ชื่อว่าวัดโพธิ์ใหญ่ก็เนื่องมาจากหน้าวัด มีต้นโพธิ์ใหญ่มาก  จากการสอบถามและข้อมูลของทางวัด   ไม่ทราบว่า ก่อสร้างเมื่อใด มีเพียงคำบอกเล่า ต่อๆกันมาว่า วัดโพธื์ใหญ่ เริ่มสร้าง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2350 เมื่อครั้งที่ไทยไปรบชนะเวียงจันทร์ ประเทศลาวในสมัยนั้นมา  และได้ต้อนอพยพผู้คนลงมาด้วย
      ซึ่งตรงกับสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์    วัดโพธิ์ใหญ่นี้ ยังอยู่ใกล้เคียงกันกับ   วัดโพธิ์น้อย เพียง  200 เมตร เท่านั้น  วัดโพธิ์ใหญ่ แต่เดิม มีประมาณ 4 ไร่   ชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้มีอายุเท่าไรไม่ทราบชัด แต่มีต้นโพธิ์ก่อน แล้วจึงมาสร้างวัดตาม  

      ทางผู้เขียนได้ขับรถเข้าไปยังบริเวณด้านในของทางวัด ซึ่งด้านซ้ายมือเมื่อขับเข้าไป จะมีลานวัดกว้าง และมีประรำดอกไม้ธูปเทียนให้ผู้คนที่เข้ามาได้เช่าบูชาทำบุญด้วย และยังมีพระมหาเจดีย์โพธินันทประภา  สูงเด่นเป็นสง่า สาดแสงสีทองผ่องอำไพดูสวยงามน่าเลื่อมใสมาก  ด้านหน้าของเจดีย์ก็เป็นที่ตั้งของไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ซึ่งดูขาวโพลนไป

ด้วยแป้ง  ซึ่งคาดว่า คงเป็นฝีมือของพวกคอหวย ที่ มาทาแป้งหาดูตัวเลขกัน ในวันใกล้หวยออกเป็นแน่แท้  นอกจากนี้ ซึ่งมีศาลาขนาดเล็ก เป็นที่ตั้งของท้าวเทพทันใจ และ คอกของวัว ควายให้ผู้คนได้ทำบุญให้หญ้าให้น้ำอีกด้วย    
       เมื่อเราตรงเข้าไปในวัด จะมีศาลาของท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งมัคทายกวัด ได้บอกกับผู้เขียนว่า สร้างขึ้นมากว่าหลายร้อยปีเลยทีเดียว  ส่วนใครจะบูชาธูปเทียน  ผ้าแดงเพื่อกราบไหว้ขอพร  ทางวัดก็มีจัดไว้ให้เรียบร้อยส่วนด้านขวามือยังมีศาลา ที่ตั้งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทางวัดหลายอย่างให้เราได้ไปจุดธูปไหว้พระกัน ก็ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่พึ่งทางใจของผู้ที่กำลังแสวงหาที่พักทางใจ ได้เข้าวัดสวดมนต์ขอพรกันตามความเชื่อ อันใหนที่สบายใจและไม่เดือดร้อน ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นก็ทำไป...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑