ไปกราบสรีระสังขาร
หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี
วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ
โดย. ณ วงเดือน
นานหลายปีที่มีความตั้งใจที่จะไปกราบสรีระสังขาร ของปู่คำคะนิง ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จนได้มีบุญได้มีโอกาศไปอย่างสมใจนึกเมือปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้จึงได้รวบรวมหาข้อมูลมาบันทึกไว้ยัง บันทึก ออนทัวร์ ทาเวล ในครั้งนี้ด้วยเพื่อบันทึกเรื่องราว ของหลวงปู่และได้รู้เป็นข้อมูลและประวัติความเป็นมา ของวัดและประวัติของหลวงปู่่ เพื่อได้เป็นแหล่งความรู้ของผู้เขียนเอง
ท่านเกิด ที่บ้านหนองบัว แขวงคำม่วน ประเทศลาว เมื่อวันพุธ
เดือน ๔ ปีกุน พ.ศ ๒๔๓๗ ท่านบวชเป็นตาชีปะขาว
ถึง 15 ปี เพื่อปฎิบัติธรรมแบบโยคี หรือว่า ฤาษี
เดินท่องเที่ยวไปในป่าเขาทั้งป่าในเมืองไทยและป่าเขาลำเนาไพร
ที่เมืองลาวจนเป็นที่เลื่องลือไปทั้วทั้งสองแผ่นดินไทยลาว ในยุคสมัยนั้น จนต่อมาโยคีคำคะนิง
ดั้นด้นไปยังภูอีด่าง ซึ่งสมเด็จลุนพระอริยเจ้าแห่งราชอาณาจักรลาวจำพรรษาอยู่
พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ของตนให้ท่านทราบ
สมเด็จให้ความปราณีมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้โยคีคำคะนิงไปค้นคว้า
ศึกษา ครั้นท่านโยคีคำคะนิงศึกษาธรรมจากพระคัมภีร์เรียบร้อยก็เอาเก็บไว้ที่เดิม
มิได้นำมาเป็นสมบัติส่วนตัว โยคีคำคะนิงลงจากภูเขาได้พบชาวบ้าน
และได้ทำการรักษาคนป่วยจนหายทุเลา ท่านเดินทางไปเรื่อย เจอใครก็รักษาโรคภัยให้หมด ณ วัดหอเก่าแขวงนครจำปาศักดิ์
คือศาสนสถาานที่กำหนดให้เป็นวัดอุปสมบทของปะขาวคำคะนิง
มีประกาศป่าวร้องให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ถึงวันอุปสมบทปะขาวคำคะนิง
โดยพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ทรงมีพระบรมราชานุเคราะห์ให้จัดขึ้น พอถึงวันอุปสมบท
ประชาชนทุกชนชั้นทุกอาชีพ
ตลอดจนข้าราชการทุกหมู่เหล่าต่างมาร่วมในงานพระราชพิธีแน่นขนัดเป็นประวัติการณ์
แต่ละคนเตรียมผ้าไหมแพรทองมาด้วยเพื่อจะมาปูรองรับเส้นเกศาของปะขาวคำคะนิง
ตอนแรกจะมีการแจกเส้นเกศาให้แก่ประชาชนโดยทั่วถึงกันหมด
ครั้นถึงเวลปลงผมจริงๆ
ประชาชนกลัวจะไม่ได้เส้นเกศาจึงแออัดยัดเยียดเข้ายื้อแย่งกันอลหม่าน
เกินกำลังเจ้าหน้าที่รักษาการจะห้ามปรามสกัดกั้นได้ ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลงเมื่อเส้นเกศาถูกแย่งเอาไปจนหมด
จากนั้นพระราชพิธีอุปสมบทก็ดำเนินต่อไปโดยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์
เจ้ามหาชีวิตพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส
มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธี ๒๘ รูป เมื่อพิธีการอปุสมบทเสร็จสิ้นปะขาคำคะนิงซึ่งครองเพศพรหมจรรย์
เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว ได้รับฉายาว่า “สนฺจิตฺโตภิกขุ” หรือ“พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต” หลังจากเป็นพระภิกษุ
พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต ก็กลับขึ้นไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำบนภูอีด่างเช่นเดิม
ดำรงวัตรปฏิบัติตามแนวทางของพระป่าอย่างเคร่งครัด
และนับตั้งแต่เป็นพระภิกษุคำคะนิง สนฺจิตฺโต
ประชาชนก็ยิ่งหลั่งไหลไต่ภูเขาขึ้นไปกราบนมัสการ และขอความช่วยเหลือจากท่านจนไม่มีเวลาปฏิบัติภาวนาบำเพ็ญธรรม วันหนึ่ง..พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต
ก็หายไปจากภูอีด่าง และไม่กลับมาอีกเลย
ประชาชนลาวรู้แต่ว่าท่านออกธุดงค์สาบสูญไปแล้ว
ต่างพากันร่ำไห้โศกเศร้าอย่างน่าสงสาร
หลวงปู่ชอบจารึกธุดงค์ฝั่งลาวเพราะหมู่บ้านยังไม่เยอะเท่าฝั่งไทย
ป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ และในช่วงปลายชีวิตท่านก็ตัดสินใจจำพรรษา
วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี เป็นที่สุดท้ายของท่าน
หลวงปู่ป่วยเป็นโรคปอดบวม
และได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ เวลา ๑๑.๑๓ น. ณ
โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ ท่านได้อยู่ในเพศฤาษีได้ ๑๕ ปี
และอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ ๓๒ พรรษา บันทึก ออนทัวร์ ทาวล จึงได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ในอนุทินบันทึกไว้ในความทรงจำของผู้เขียนต่อไป..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น