10 มิ.ย. 2565

พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน อ.ด่านซ้าย จ.เลย

         วัดโพนชัย  เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง ชาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย มาเนิ่นนาน มีอายุเก่าแก่มากว่า 400 ปีมาแล้วสร้างเวลาไล่เลี่ยกันกับพระธาตุศรีสองรัก ในปี พศ.2103  วัดอยู่ห่างจากลำน้ำหมัน 300 เมตร และที่ข้างวิหารที่ตั้งหลวงพ่อพระใหญ่ ยังมีองค์พระธาตุศรีสองรักจำลอง สูง 15 เมตร อยู่ด้านข้าง
วัดโพนชัย  มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่า 400 ปี ภายในอุโบสถ และยีงมีภาพเขียนสีบนผนัง เรื่องราวเกี่ยวกับชาดก พระเวสสันดร และประเพณีผีตาโขน ของชาว อ.ด่านซ้าย  ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก       
 องค์พระธาตุศรีสองรัก จำลอง ซึ่งมีรูปแบบเดียวกับพระธาตุศรีสองรัก องค์จริง มาที่วัดนี้ก็สามารถกราบสักการะบูชาได้เช่นเดียวกัน  ซึ่งมีความสวยงามอ่อนช้อยเช่นกัน
บันไดนาคคู่ ทางขึ้นอีกด้านขึ้นสู่วิหาร ที่ตั้งองค์หลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
ลานด้านข้างของวิหาร พระเจ้าใหญ่ เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน ซึ่งเป็นกุฎีเก่าของท่านเจ้าอาวาส ได้นำมาทำเป็นที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของผีตาโขน          
ซึ่งในอาคาร จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของการทำหน้ากากผีตาโขน และประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นนี้ ที่สืบทอดต่อๆ กันมา มาจัดแสดงให้ความรู้แก่ผู้มาเยือน   
ผีตาโขน ที่มีการทำจากวัสดุท้องถิ่น บ้างก็ทำจากหวดนึ่งข้าว บ้างก็ทำมาจากไม้แกะสลักเป็นรูปผีตาโขน จัดแสดงไว้ให้ได้ชมกัน ทั้งด้่นนอกอาคาร และภายในอาคาร ถือเป็นแหล่งเรียนรู้กับผู้มาเยือนเที่ยวชมเป็นอย่างดี
ทราบมาว่า การแห่ผีตาโขน เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญชาวบ้าน คืองานบุญพระเวส และงานบุญบั้งไฟ และในงานก็จะมีขบวนแห่ของผีตาโขน มาร่วมแห่ในขบวนเพิ่มสีสันในงานบุญ กลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
ในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงหุ่นผีตาโขน ออกไป 2 ประเภท คือผีตาโขนใหญ่  จะไม่มีการทำใหม่ แต่จะทำตามกำหนดธรรมเนียมกำหนดไว้  และผีตาโขนเล็ก จะมีการสร้่งทำในทุกปี ซึ่งทำจากหวดนึ่งข้าว ตลอดทำจากโคนก้านมะพร้าว นำมาถากเป็นรูปหน้ากาก
ภายในอาคาร ก็จะมีการเขียนบอกเรื่องไว้ราวต่าง ๆ ทั้งประวัติึว่มเป็นมาของพระธาตุศรีสองรัก และประเพณีบุญของชาวด่านซ้าย ตลอดความเป็นมาของผีตาโขนนั้นเอง
มาวัดโพนชัย นอกจากได้มากราบไหว้ขอพร หลวงพ่อพระเจ้าใหญ่แล้ว ยังได้มาแวะชมประวัติความเป็นมาของ ผีตาโขน ซึ่งที่นี่ถือเป็นต้นตำรับของผีตาโขนเลยก็ว่าได้  
จากถนนหมายเลข 2114 ผ่านตัวตลาดด่านซ้าย แล้วข้ามสะพานมาเล็กน้อย วัดอยู่ด้านซ้ายมือ เข้ามาดูชมได้ทั้งความรู้ และได้ความเป็นศิริมงคลกับตัวเองที่ได้มา
กราบหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ ที่วัดแห่งนี้นั้นเอง.                  

10 ธ.ค. 2564

เจดีย์มหามงคลบัว จ.รัอยเอ็ด

โดย.ณ วงเดือน

   
     เมื่อหลายปีก่อน ได้มีโอกาศแวะผ่านเที่ยวชม เจดีย์มหามงคลบัว สร้างเป็นอนุสรณ์แด่พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
 เจดีย์นี้ ตั้งอยู่ริมถนน ทล.232  ด้านหลังเป็นท้องทุ่งนาโล่ง ใน ต.หนองแวง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเมื่อขับรถผ่านยังเส้นทางนี้ จะสามารถมองเห็นองค์เจดีย์สีเหลืองทองอร่าม สูงถึง 49 เมตร มองเห็นได้แต่ไกล

ที่ด้านหน้าและ ด้านข้างเจดีย์ มีการขุดสระน้ำไว้ ด้วย โดยเจดีย์แห่งนี้ ได้รับการอนุญาติให้สร้างขึ้น ในขณะที่หลวงตา ยังมีชีวิตอยู่ สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.



เจดีย์มหามงคล "บัว " แบ่งเป็น 4 ชั้น โดยชั้นล่างสุดจัดแสดงอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านไทยอิสาณ  มาที่ชั้นสอง จัดทำเป็นห้องสมุด รวบรวมหนังสือต่าง ๆ ตลอดหนังสือธรรมะที่ ท่านหลวงตามหาบัว ท่านได้แต่งขึ้น


มาในส่วนชั้นที่ 3 มีรูปเหมือนของหลวงตามหาบัว และห้องโถง ใช้เป็นสถานที่นั่งบำเพ็ญสมาธิภาวนา ได้ด้วย และในชั้นที่ 4 บนสุด มีพระประธาน และรูปบูรพาจารย์ต่าง ๆ  หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น  หลวงปู่หล้า และ หลวงตามหาบัว
ความสวยงามของเจดีย์ รูปทรงคล้ายเจดีย์พระธาตุหลวง เมืองเวียงจันทร์ ของประเทศลาว ทั้งรูปทรงและใบเสมา 
โดยรอบ องค์เจดีย์                          

ทางผู้เขียนได้เดินทาง จากตัว จ.ร้อยเอ็ด มุ่งหน้าไป จ.กาฬสินธุ์  ถึงสี่แยกบ้านบัว เลี้ยวซ้าย มาตามทางหลวง 232 และได้ขับต่อมาเกือบ 1 กม. ก็พบ เจดีย์มหามงคลบัว จะอยู่ทางซ้ายมือ จึงได้บันทึกไว้เป็นความทรงจำ ที่ได้มา
กราบเยี่ยมชม เจดีย์อันทรงคุณค่านี้..

3 ธ.ค. 2564

อนุสาวรีย์ วีรกรรมพลเรือน ตำรวจ ทหาร อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน

โดย.ณ วงเดือน
ตามรอยวีรกรรมความกล้าหาญ ของเหล่าผู้กล้าทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่สละชีพปกป้องชาติไทยไว้ในยุคที่ ระบอบคอมมิวนิสต์คุกรุ่นในช่วงปี 2516-2519 ที่อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน
เมื่อช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้เดินทางผ่าน อนุสรณีย์วีรกรรมแห่งนี้ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทย ตั้งอยู่เนินเขาลูกเตี้ย ๆ ริม ทล.1080 สายน่าน-ทุ่งช้าง บริเวณหลักกม.ที่ 84 อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน                        
สถานที่แห่งนี้ ในหลวงและพระราชินี รัชกาลที่ 9 ได้พระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดและวางพวงมาลา    
 เมื่อ 10 กพ.2519     
                    และทุกปีถือเอาวันที่ 10 กพ.นี้
เป็นวันวางพวงมาลาและบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนเหล่านั้น                                     
ที่ตั้งจะอยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขาเตี้ย ๆ ซึ่งมีบันได ไต่ขึ้นไปทั้ง 3 ด้านเมื่อขึ้นไปสู่ลานด้านบน จะพบกับที่ตั้งรูปปั้นตำรวจทหาร พลเรือน กำลังช่วยกันตั้งเสาธงชาติขึ้น และโดยรอบมีพื้นที่ลานกว้างพอสมควร
อนุสาวรีย์วีรกรรม สร้างไว้เพื่อตระหนักให้คนผู้อยู่เบื้องหลังได้ตระหนัก ถึงความกล้าหาญ ของเขาเหล่านั้น ที่ต่างเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปวงชนผู้อยู่ข้างหลังได้มีแผ่นดิน ที่อยู่อาศัยสืบไป                              
ความเป็นมาของ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน แต่เดิมมีฐานะเป็นแขวง เรียกแขวงขุนน่าน เจ้าผู้ครองแขวงชื่อ เจ้าพรม ณ น่าน  ปกครองเมืองช่วงปี พศ.2442-2446          
      
แล้วต่อมาได้รับยกฐานะเป็นอำเภอ  จนเมื่อปี พศ.2504 ทางอำเภอได้ย้ายมาสร้างอาคารที่ทำการใหม่ ที่บ้านทุ่งช้าง หมู่ 2
จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอทุ่งช้าง
รายชื่อเหล่าผู้กล้า ที่พลีชีพปกป้องผืนแผ่นดินไทย ทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่แท่นแต่ละด้านของอนุสาวรีย์วีรกรรม แห่งนี้
ในเขตพื้นที่ของ อ.ทุ่งช้าง แห่งนี้ มีการสู้รบของ ขบวนการคอมมิวนิสต์  ซึ่งเริ่มมีการปฎิบัติการมาตั้งแต่ ปี พศ.2506 ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปี พศ.2518
โดยอำเภอทุ่งช้างแห่งนี้ ประกอบด้วย 4 ตำบล 40 หมู่บ้าน มีชาวไทยหลายเผ่า ทั้ง ขมุ  เหาะ , ม้ง , ถิ่น ,ลัวะ ,ไทลื้อ ,ไทเหนือ ซึ่งเป็นชาวไทยภูเขา มีพื้นที่ทั้งหมด  504,206.875 ไร่ อยู่ห่างตัวจังหวัดมา 90 กม.  และมีพื้นที่ชายแดนติดกับ สปป.ลาว ทางด้านทิศตะวันตก                             
อำเภอทุ่งช้างแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งนอกจากอนุสาวรีย์วีรกรรม พตท.แห่งนี้ ทั้งจุดผ่านชายแดนไทย-ลาว บ้านห้วยสะแตง  ,ถ้าผาผึ้ง ,ถ้ำผาแดง,ถ้ำค้างคาว,น้ำตกผายักษ์ และยังมีอีกหลายสถานที่ 
จึงขอบันทึกไว้เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ได้มาเยือนเที่ยวชม อนุสาวรีย์วีรกรรมของเหล่าผู้กล้า ที่ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน แห่งนี้..