13 พ.ย. 2563

เกาะคำชะโนด 2 ที่วัดปากคลอง 11 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี

โดย.ณ วงเดือน
ครั้งนี้บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มาเที่ยวชมสถานที่อีกแห่งที่มีความคล้ายคลึงกับเกาะคำชะโนด จ.อุดรธานี นั้นก็คือที่วัดป่าคลอง 11 จ.ปทุมธานี มีรูปปั้นของพญานาคที่เชื่อกันว่าเป็นตัวแทนขององค์ ปู่ศรีสุทโธ และย่าศรีปทุมมา มีอยู่ที่นี่เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่ไม่สามารถ เดินทางไกลไปยังเกาะคำชะโนดที่ จ.อุดรธานี ได้จึงมักแวะเวียนมาเที่ยว และกราบขอพร ขอโชคลาภ ที่วัดป่าแห่งนี้แทน

วัดป่าคลอง 11 แห่งนี้ อยู่ในพื้นที่ ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี มีพื้นที่กว่า 16 ไร่ เราเดินทางใช้ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ผ่านหน้าห้างฟิวส์เจอร์พาร์ครังสิต -นครนายก หมายเลข 305  แล้ววิ่งต่อไปผ่านคลอง 8-9 ตามลำดับ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3022 มีป้ายบอกทางเข้าวัดป่าคลอง 11



เราขับเข้ามาอีกกว่า 10 กม.ก็จะเจอป้ายด้านซ้ายมือเข้ามายังวัดป่า ซึ่งเป็นทางลูกรังมาวัดขนาดเล็ก ขับเรียบคลองน้ำเล็ก ๆ อีกกว่า 1 กม.ก็ถึงที่หมาย

เมื่อเราจอดรถยังลานด้านข้างของทางวัด แล้ว ซึ่งมีค่าบริการจอด  รถเล็ก 30 บาท และรถใหญ่ ไม่เกิน 100 บาท ด้านหน้าทางเข้าวัดก็มี ร้านค้าชาวบ้าน ขายอาหารการกินของฝากเยอะแยะ  ตลอดแม่ค้าขายลอตเตอรี่ ให้กับนักแสวงบุญได้เสี่ยงโชคกันหลายสิบร้าน


เมื่อเราข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ ฝั่งร้านค้าเพื่อเดินทางเข้าไปสู่บริเวณวัด ซึ่งระยะทางไม่ถึง 500 เมตร ก็เข้าสู่วัด ซึ่งจะสามารถมองเห็นโบสถ์ไม้กลางน้ำแบบสวยงามเลยทีเดียวมีสะพานไม้เข้ามาสู่โบสถ์ ได้สองทาง และมีรูปปั้นของพญานาค ตั้งเด่นตระหง่าน สองด้านเช่นกัน


ภายในอุโบสถ์ไม้นั้น มีพระพุทธรูปองค์ประธาน คือหลวงพ่อนาคปรกแก้ว มณีโชติ ภายในเปิดให้ผู้คนได้เข้าไปกราบสักการะด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยรอบโบสถ์ภายในและนอกสามารถเดินเข้าออกทะลุอีกด้านได้
มาที่ด้านหน้าทางเข้าโบสถ์ ซึ่งที่นี่เป็นลานไหว้สักการะขอพร โชคลาภกับท่านพญานาคราช มีวิหารหลังเล็ก ๆ เป็นที่ตั้งรูปปั้นตัวแทนของพญานาค และในแต่ละวันมีผู้คนแวะเวียนมากราบสักการะ และฟ้อนร่ายรำ เพื่อบวงสรวง ที่วัดนี้อยู่เสมอ
ที่วัดป่าคลอง 11 แห่งนี้ ทางวัดได้มีการจัดสร้าง พญานาคผู้เป็นใหญ่ในวงศ์พญานาค อยู่ 4 องค์ด้วยกัน คือที่ด้านหน้าโบสถ์ มี 2 องค์ และที่ด้านหลังโบสถ์อีก 2 องค์ ที่ผู้มากราบไหว้ขอพรควรรู้

องค์ด้านหน้าโบสถ์ องค์ที่ 1.คือ พญาอนันตนาคราช ผู้เป็นราชาแห่งนาคทุกหมู่เหล่า มีเดช และบารมีมาก ชาวบ้านนิยมขอพร ด้านทำมาหากิน ค้าขาย เริ่มธุรกิจใหม่เป็นต้น



2.พญามุจลินท์นาคราช เป็นน้องชายของพญาอนันตนาคราชมีอานุภาพมาก  นิยมขอพรด้าน ขอให้ขจัดปัดเป่าปัญหาสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้หมดไป




ที่ด้านหลังโบสถ์ มี อีก 2 องค์ คือ องค์ที่ 3.พญาภุชงค์นาคราช เป็นนาคราช ประจำองค์พระศิวเทพ  นิยมขอพรด้านให้โรคภัยไข้เจ็บได้หายไป หรือผู้โดนมนต์ดำ ถูกใส่ของไสยศาสตร์
4.พญาศรีสุทโธนาคราช พญานาคประจำองค์ท้าวสักกะ หรือพระอินทร์ นิยมขอพรด้านโชคลาภ หวยลอตเตอรี่  โชคเบอร์ต่าง ๆ
 ด้านหน้าโบสถ์ เป็นที่ตั้งวิหารเล็ก ๆ มีรูปบูชาพระสิวลี อยู่ด้านหลังวิหารและรูปปั้นของพญานาคราช อยู่ด้านใน เป็นที่ให้ชาวบ้านได้มาจุดธูปบูชาดอกไม้ขอพรกัน

ด้วยความที่วัดป่าคลอง 11 จ.ปทุมธานี มีลักษณะคล้ายกับเกาะคำชะโนด ที่จ.อุดรธานี และมีความเชื่อว่าวัดแห่งนี้ มีพญานาคราชทั้ง 4 เหล่า ท่านอยู่ปกปักรักษาและอาศัยที่วัดแห่งนี้ จึงมีผู้คนมาแวะเที่ยวชมและกราบขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย

บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศแวะเที่ยวชมและกราบไหว้ขอพรด้วยเช่นกัน ขอบันทึกความทรงจำดี ๆ ที่ได้มาเยือนไว้ให้คงอยู่ตลอดไปกับอีกสถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านอีกแห่งหนึ่ง ที่ได้มาเยือน.
@@@@@@@@@@@@@@@

บึงสีไฟ ตำนานจรเข้พญาชาละวัน ที่เมืองพิจิตร

โดย. ณ วงเดือน

   ได้มีโอกาศเดินทางไปเยือนเมืองพิจิตร กับเที่ยวชมตำนานเรื่องราวชาละวัน จรเข้ยักษ์ในตำนาน วันนี้บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ จึงขอบันทึกเรื่องราวไว้ เป็นอีกเรื่องราวที่ได้ไปเยือนมา
บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม ที่รองจากบึงบอระเพ็ด และบึงหนองหาน และ กว๊านพะเยา ของไทยเรา ซึ่งพื้นที่รอบของบึงน้ำสีไฟนี้ มีพื้นที่ทั้งหมด 5,390 ไร่ 

พื้นที่บึงสีไฟนี้  อยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิจิตร ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ทั่วไป ถือเป็นสัญญลักษณ์ของ จังหวัดนี้เลยก็ว่าได้ เข้าเที่ยวชมฟรี เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.00-18.00 น.
เมื่อเดินเข้ามา จะพบกับศาลากลางน้ำ เป็นศาลาขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยว มักนิยมมาให้อาหารปลา บนศาลใหญ่แห่งนี้ นอกจากนั้นยังใช้เป็นจุดเลือกตั้งของทางจังหวัดแห่งนี้อีกด้วย และในพื้นที่ของบึงสีไฟนี้ ยังมีบ่อจรเข้ พันธุ์พื้นบ้านของท้องถิ่นนี้ให้คงไว้อีกด้วย

และด้านข้างศาลากลางน้ำ จะเป็นอาคารรูปปั้น  จรเข้ขนาดใหญ่พญาชาละวัน ในตำนานเรื่องไกรทองและนางตะเภาแก้ว ตะเภาทองซึ่งเป็นเรื่องราวนิทานพื้นบ้านของจังหวัดนี้ ที่ผู้คนรู้จักไปทั่วเป็นอาคาร มีความยาว 38 ม.กว้าง 6 ม.สูง 5 ม. ในตัวอาคารจัดเป็นห้องประชุมขนาด 25-30 ที่นั่ง 
เมื่อปี พ.ศ 2521 กรมประมง ได้จัดตั้งสถานที่ประมงน้ำจืดเพื่อเพราะพันธุ์ปลาและจัดสร้างเป็นอาคารแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ เป็นอาคารรูป 9 แฉก ยื่นลงไปในบึงสีไฟ  มีตู้แสดงพันธุ์ปลาแปลก ๆ มากมาย กว่า 20 ชนิด 
บึงสีไฟนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจ แบ่งออกเป็นโซนท่องเที่ยว หลายจุดทั้งมีสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ฯ พระชนมายุครบ 80 พรรษา จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ 2527 จำนวน 170 ไร่ เพื่อให้ผู้คนได้เดินออกกำลังกายกันด้วย
และ ยังมีจุดพาลูกหลานมาเที่ยวชมหลายจุดเช่น จุดชมนกกระจอกเทศ และจุดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด หอชมนก และบ่อจรเข้ ตลอดมีจุดเรือปั่นเพื่อชมบัวในบึงได้อีกด้วย
ด้านหน้าทางเข้า ถือเป็นอีกจุดเด่น จุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน คู่กับจรเข้ยักษ์ ซึ่งก็คือพญาชาละวัน ที่เลื่องลือเป็นตำนานของที่นี่

การเดินทางมายังบึงสีไฟ มาได้หลายเส้นทาง ทั้งจากทางหลวงหมายเลข 4014 และ ทางหลวงหมายเลข 3003 และห่างจากตัวจังหวัดพิจิตร ตามทางหลวงหมายเลข 115 เข้ามาประมาณ 2  กม.เท่านั้น
บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ครั้งหนึ่งได้มีโอกาศ มาเที่ยวเยือนเยี่ยมชม สถานที่แห่งนี้ จึงขอบันทึกเรื่องราวความทรงจำ ที่ได้มาเยือนให้เป็นความรู้และคงอยู่ตลอดไป.
@@@@@@@@@@