12 พ.ย. 2563

แม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศน์ เขตสวนหลวง กทม.

โดย.ณ วงเดือน

บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศมาเที่ยวชมและได้มายังวัดมหาบุศย์ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดแม่นาคพระโขนง ซอยสุขุมวิท 77 ถนนอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม.
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มาแต่สมัย โบราณสร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประมาณ ปี พ.ศ 2305 ก่อนเสียกรุงเก่าให้พม่า 5 ปี  แต่เดิมชื่อว่า วัดสามบุตร

ด้านหน้าเมื่อเข้ามาสู่ยังวัดมหาบุศย์ จะมีวิหารเล็ก ๆ ของหลวงพ่อยิ้ม อยู่ทางด้านซ้ายมือ ด้านในเป็นที่ตั้งพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีใบหน้าลักษณะยิ้มแย้มให้กับผู้คนทั่วไปที่มากราบไหว้  ขอพรกันเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเที่ยวชม ด้านในวัดต่อไป ซึ่งทางด้านขวามือยังมีอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ให้ผู้คนเข้าไปเที่ยวชมได้อีกด้วย
วัดมหาบุศย์ ตามประวัติว่า มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์อยู่หลายปี จนมาประมาณ ปี พ.ศ 2455 ต้นรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะเสนาสนะขึ้นหลายอย่าง และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 18 เมษายน 2459  ต่อมา ปี พ.ศ 2470 อุโบสถหลังเก่าทรุดโทรมลง และได้รื้อถอนไป และสร้างขึ้นใหม่ หน้าโบสถ์สลักเป็นลายกนก ไทยรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หลังคาสองชั้น ลดลั่นกัน

มาที่ท่านพระมหาบุศ เปรียญ 5 ประโยคแห่งสำนักวัดเลียบ ท่านได้มาเยี่ยมญาติโยมของท่านที่มีภูมิลำเนา แถบคลองพระโขนง  แล้วชาวบ้านแถบนั้นได้นิมนต์ท่าน เป็นเจ้าอาวาส ให้อยู่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านแถบนั้น และได้ชื่อวัดว่า วัดมหาบุศย์ตามชื่อท่านนั้นเอง
ทางด้านขวามือ อยู่เลยอุโบสถมาเล็กน้อย จะเป็นที่ตั้งของศาลแม่นาค ซึ่งอยู่ติดริมคลองพระโขนง เมื่อเดินเข้ามาแล้วมีสิ่งศักเิ์สิทธิ์หลายอย่างให้กับผู้คนที่มักนิยมมาเสี่ยงโชค กราบขอลาภกันอีกด้วย

ประวัติของแม่นาค มีเรื่องเล่าว่า สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อมาก ภรรยาชื่อนาค อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านริมคลองพระโขนง จนต่อมามาภรรยาตั้งครรภ์ขึ้นมา สามีถูกเรียกไปเป็นทหารปล่อยให้นางนาค อยู่เพียงลำพัง และนางท้องโตขึ้นจนถึงกำหนดคลอด แต่ไม่สามารถคลอดได้ตามธรรมชาติ จึงได้สิ้นใจตายลงพร้อมลูกในท้อง เป็นผีตายทั้งกลม  ที่ยังมีความรักพันผูกกะสามีอยู่วิญญาณของนางนาค จึงไม่ไปใหน ยังรอสามีอยู่ที่บ้านริมคลองนั่นเอง
ชาวบ้านจึงช่วยกันนำศพไปฝังยังท้ายวัดมหาบุศย์ ฝ่ายสามีคือ ทิดมากเมื่อปลดทหารมา ได้กลับมาบ้านหาเมียด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง เมื่อมาบ้านพบเมียกับลูกรออยู่ และ นางนาคก็ พยายามไม่ให้สามี พบปะกับชาวบ้านแถวนั้นกลัวสามีจะรู้ความจริง เรื่องที่นางกับลูกตายไปแล้ว
แต่ชาวบ้านก็พยายามที่จะบอกทิดมาก เรื่องที่นางนาค ภรรยากะลูกของเขานั้นได้ตายไปแล้ว จนต่อมาวันหนึ่ง ขณะที่นางนาคกำลังตำน้ำพริก อยู่บนบ้านนางได้ทำมะนาวหลุดมือตกไปใต้ถุนบ้าน ด้วยความรีบร้อน นางจึงใช้มือยาว ๆ  ล้วงลงไปใต้ถุนบ้าน เพื่อเก็บมะนาว เป็นจังหวะที่สามีทิดมาก ผ่านมาเห็นพอดี จึงมีความเชื่อว่า ภรรยาของตัวเองได้เสียชีวิตตามที่ชาวบ้าน บอกไว้จริง ๆ
นั่นก็เป็นเรื่องเล่าตำนานของแม่นาคพระโขนงที่วัดมหาบุศย์แห่งนี้ ซึ่งมีศาลของแม่นาค ตั้งไว้ให้ผู้คนที่มีความเชื่อศรัทธาได้เข้าไปกราบไหว้ขอพร โชคลาภกันอยู่เนื่อง ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในวันใกล้หวยออก ผู้คนจะแห่กันไปขอโชคลาภเป็นจำนวนมาก เลยทีเดียว 
และผู้คนที่มากราบขอพรแม่นาค ที่วัดมหาบุศย์ ที่ควรทราบ ของข้อห้ามเมื่อมากราบขอพรแม่นาค  โดยมีข้อห้ามว่า 1.ห้ามปิดทองที่ใบหน้า ดวงตา ริมฝีมากแม่นาค โดยเด็ดขาด  2.ห้ามเท น้ำหอม น้ำมันจันทร์ ลงที่องค์ของแม่นาค ปิดแผ่นทองได้ ที่องค์รอบ ๆ ของท่านและบนฝ่ามือเท่านั้น 3. ห้ามพรมน้ำอบ และรดน้ำ 4.ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม เข้ามทานภายในศาลโดยเด็ดขาด 5.ห้ามนำสัตว์เลี้ยง เข้าไปภายในศาล และห้ามใส่รองเท้าเข้าไปด้านใน 
รอบบริเวณของศาลแม่นาค ยังมีร้านค้าาจำหน่ายของเซ่นไหว้แม่นาค มีทั้งของเด็กเล่น ที่จะนำไปฝากลูกแม่นาค เสื้อผ้าต่าง ๆ ตลอดดอกไม้ธูปเทียนพวงดอกดาวเรืองที่จะนำไปกราบขอพรแม่นาค ตลอดทั้งยีงมีร้านค้าจำหน่าย กบ ปูปลา เพื่อปล่อยสะเดาะห์เคราะห์ด้วยแก่ผู้ต้องการทำบุญปล่อยนก ปลา ก็มีในรอบบริเวณนั้น
ส่วนใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวชม ต้องการแวะเวียนไปกราบไหว้ขอพรกัน ทางวัดก็เปิดให้เข้าไปไหว้บูชากันได้ตั้งแต่ เวลา 07.00-17.30 น. ส่วนในวันก่อนหวยออก กลางคืน จะเปิดให้เข้าไหว้ตลอดทั้งคืน 
ด้านหน้าศาลแม่นาค ยังมีเรือตะเคียนโบราณ และต้นตะเคียนตั้งไว้ให้ผู้คนมาเสาะแสวงหาเลขเด็ดด้วยการใช้แป้งโรยทา จนขาวโพนไปทั่ว  ในวันก่อนหวยออกอีกด้วย

สำหรับบันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศได้ไปกราบเที่ยวชมยังวัดแม่นาคมาแล้ว จึงขอบันทึกเรื่องราวคร่าว ๆ ความเป็นมาไว้ ในบันทึกแห่งนี้ ให้อยู่ในความทรงจำ ดี ๆ ตลอดไป.
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

19 ต.ค. 2563

วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

โดย.ณ วงเดือน
ผมได้มาเยือนเที่ยวชม ตามรอยพระอริยะ ครั้งนี้ได้มาที่วัดหินหมากเป้ง ตั้งอยู่หมู่ 4 บ้านไทยเจริญ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เทศก์ อยู่ที่นี่
ซึ่งเป็นวัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนชะแง่นหินผา บนหินใหญ่ 3 ก้อน เรียกหินหมากเป้ง ซึ่งความหมายคือหินก้อนใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ด้านผาหน้าวัด ริมแม่น้ำโขง
วัดนี้ก่อตั้งเมื่อ ปี 2482 โดยพระอาจารย์หล้า ได้รับการตั้งเป็นวัดที่ถูกต้อง เมื่อ ปี 2513 เมื่อเข้ามาด้านในวัด ทางด้านซ้ายมือของเราจะมายังที่เคยทำพิธีพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ และถัดมาไม่ไกลกันมากเป็นที่ตั้งเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระราชนิโรธรังสี ฯ ของหลวงปู่ ดูมีความสงบร่มเย็น ในทางธรรม และร่มรื่นในธรรมชาติสวยงามมาก

ประวัติของ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสรี ท่านเกิดเมื่อ 26 เมษายน 2445 ที่บ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เมื่อายุ 18 ได้เป็นสามเณรลูกศิษย์ติดตามพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม และได้อุปสมบทที่วัด สุทัศนาราม จ.อุบลฯ เมื่อ 16 พฤษภาคม 2466 มีพระมหารัฐ เป็นอุปัชชาย์ มีพระมหาปิ่น เป็นพระกรรมาจารย์
ในปี 2466. หลังจากอุปสมบทพรรษาที่ 1 นั้นได้ตาม พระอาจารย์สิงห์ มากราบหลวงปู่เสาร์ กันนตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร และที่วัดบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
มาในปี 2468 เป็นพรรษาที่ 3 ท่านได้มาจำพรรษาที่บ้านนาช้างน้ำ ท่าบ่อ จ.หนองคาย จากนั้นได้ตามท่านหลวงปู่มั่น ไปที่สำนักสงฆ์ บ้านสามผง จ.นครพนม ได้ถวายการปฎิบัติหลวงปู่มั่น และได้ปฎิบัติวิปัสสนา และฟังธรรมจากหลวงปู่ตลอดพรรษา
ในพรรษาที่ 12 ปี พศ.2477 ท่านได้ขึ้นไปภาคเหนือ อยู่จำพรรษาที่ ป่าเมี่ยง บ้านมูเซอร์ ดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
และพรรษาที่ 16 ปี พศ.2481 มาจำพรรษา ที่ อ.ปากบ่อง (ป่าซาง ) จ.ลำพูน เพื่อเผยแพร่ธรรมคำสอนแก่ชาวมอญ
และในปี พศ. 2493 หลวงปู่เทสก์ ท่านได้เดินธุดงค์ลงมาทางภาคใต้ มาอยู่จำพรรษา ที่ จ.ภูเก็ต- พังงา นานถึง 15 ปี ท่านเป็นทั้งพระนักพัฒนาและสายปฎิบัติกัมมัฎฐานตามรอยหลวงพ่อใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อย่างเคร่งครัด
หลังจากนั้นท่านได้หวนคืนสู่ภาคอิสาณ มาจำพรรษาที่ วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร แล้วเมื่ออกพรรษาแล้ว ท่านยังคือธุดงควัตรได้ออกเดินธุดงค์มายังวัดหินหมากเป้ง เห็นสถานที่แห่งนี้เงียบสงบ อยู่ติดริมแม่น้ำโขงเหมาะแก่การปฎิบัติธรรม ท่านจึงอยู่และพัฒนาจนวัดเจริญขึ้นตามลำดับ
ในช่วงเข้าสู่วัยชรา หลวงปู่เทสก์ ท่านได้กลับไปจำพรรษายัง วัดถ้ำขาม จ.สกลนครและละสังขารด้วยวัยชรา เมื่อ 19 ธันวาคม 2537 สิริอายุได้ 93 ปี 71 พรรษา
การเดินทางมายังวัดหินหมากเป้ง มาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และสาธารณะโดยสารประจำทางได้ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 211. หนองคาย-ศรีเชียงใหม่ ถึง กม.64 และต่อมาบนเส้นทางหลวง 2186 ห่างจากตัว จังหวัดหนองคาย 75 กม. วัดจะอยู่ด้านขวามือ ริมฝั่งแม่น้ำโขง
ก้อนหินใหญ่ 3 ก้อนคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า หินก้อนที่ 1 เป็นของหลวงพระบาง หินก้อนที่ 2 เป็นของบางกอก ก้อนที่ 3 ของเวียงจันทร์

มาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องราววัดหินหมากเป้ง กับเรื่องราวประวัติคร่าว ๆ ของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธากราบไหว้ของผู้คน ทั้งไทย-ลาว สองฟากฝั่งแม่น้ำโขง ก็เป็นความปลื้มปิติใจ มีบุญวาสาได้มากราบไหว้ ของทางผู้เขียนที่ได้มาเยือนกราบไหว้หลวงปู่ ถึงริมสุดแม่น้ำโขงแห่งนี้
ในการเดินทางมาตามรอยพระอริยะ ของบันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ครั้งนี้ จึงบันทึกไว้เป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง ให้อยู่ในความทรงจำดี ๆ ตลอดไป.


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

12 ต.ค. 2563

อุทยานสวนแก้วกู่​ อ.เมือง​จ.หนองคาย

โดย.ณ​วงเดือน

      บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มีโอกาศมา จ.หนองคาย และได้แวะเยี่ยมชม อุทยานเทวาลัย ศาลาแก้วกู่ ตั้งอยู่ในชุมชนสามัคคี อ.เมืองหนองคาย จึงขอบันทึกไว้อีกเรื่องราวไว้เป็นความทรงจำ ดีๆ ที่ได้มาเที่ยวชมที่แห่งนี้

สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นอีกแห่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้คน ที่มาเที่ยวยังเมืองหนองคาย มักจะมาเที่ยวชมกันมาก เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคาย แค่ 3 กม.เท่านั้นเอง


อุทยานเทวาลัยหรือชาวบ้านเรียกว่า วัดแขกแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางแจ้ง ที่มีสิ่งก่อสร้างด้วยอิฐปูน ปั้นสูงตระหง่าน กับรูปเทพต่าง ๆ ทั้งไทยพุทธ คริสและฮินดู บนเนื้อที่ กว่า 42 ไร่ เริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2521
สร้างขึ้นมาด้วยความเชื่อและศรัทธา ของปู่ บุญเหลือ สุรีรัตน์ ที่ท่านเชื่อว่าทุกศาสนาผสมผสานกันได้ ต้องการให้อุทยานเทวาลัย หรือศาลาแก้วกู่ เป็นดินแดน  สถานที่แห่งการหลุดพ้น  จากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง


ในการเข้าไปเที่ยวชมยังอุทยานเทวาลัย แห่งนี้ เปิดทำการแต่เวลา 06.00 น. ถึงเวลา 18.00 น. ของทุกวัน มีค่าใช้ธรรมเนียมเข้า ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
สถานที่แห่งนี้ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางแจ้ง ที่ผู้คนมักพาบุตรหลานมาเดินเที่ยวชม ออกกำลังไปในตัว


เดินเข้ามาด้านใน พบกับศิลปะปูนปั้นรูปแบบต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับตำนานทางพุทธศาสนา มีการปั้นเรื่องราว ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เป็นหลัก


รูปปั้นพญานาคราช 7 เศียร ครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ฝนตกหนักท่านได้มาแผ่เบี้ยพังพาน เพื่อบังสายฝนที่ตกหนัก ไม่ให้พระองค์ต้องลมและสายฝน เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ดูมีความเข้มขลังอีกที


นอกจากนี้ยังมีรูปพระโพธิสัตว์ วิมลเกียรติคฤหบดีผู้แตกฉานในอรรถธรรมญาณในกาลครั้งหนึ่ง ได้เกิดอาพาธ จึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไปเยี่ยมไข้
ทำให้พระองค์เสด็จไปเยี่ยม และได้หายป่วยเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ได้ปั้นไว้เป็นความรู้แก่ผู้คน

ด้านในอุทยาน ยังมีการปั้นรูปของ เจ้าแม่นาคี ที่เคยโด่งดังจากทีวี ช่องหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ก็มีปั้นไว้นานแล้วที่นี่ นอกจากนั้นยังมีรูปพระแม่เทวีต่าง ๆ ตามตำนานความเชื่อทั้ง ในศาสนาพราหมณ์ และฮินดู ปางต่าง ๆ กัน ตามเรื่องราวในเรื่องของรามเกียรติ์อีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง มีการปั้นแต่งเป็นรูปปั้นปริศนาของชีวิต นั้นคือ พระกาลซึ่งปั้น เป็นรูปปากอ้ากว้าง ที่กลืนกินทุกทรรพสิ่งให้หายไปตามกาลเวลา


อุทยานกลางแจ้ง มีทางเดินชมปฎิมากรรมรูปปั้นตามทางเดินทะลุถึงกันได้ แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ อย่างลงตัว


รูปปั้นเทพและพระพุทธรูปปูนปั้นเปลือย แบบเรียบง่ายแต่มีความ สวยงามโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือเป็นจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้
ศาลาแก้วกู่แห่งนี้ สามารถมาได้หลายเส้นทาง ทั้งจากทางหลวง หมายเลข 212  มุ่งหน้าไปทาง อ.โพนพิสัย อุทยานเทวาลัยนี้ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ซึ่งจะเห็นป้ายบอกทางมา ยังศาลาแก้วกู่  อย่างชัดเจน เลี้ยวเข้าไปจากถนนใหญ่แค่เพียง 500 เมตร เท่านั้นก็จะพบลานจอดรถ และร้านค้าขายของที่ระลึกด้านหน้าทางเข้า


บันทึกเที่ยว ในความทรงจำ ได้มาเที่ยวชม และมีความประทับใจ ในที่แห่งนี้ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่ง ที่มาเยือนแล้วทำให้เกิดความทรงจำดี ๆ จึงขอบันทึกไว้เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งในที่แห่งนี้.